ลดค่า BOD ทำอย่างไร ?
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในการบำบัดน้ำเสียและในระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบคือ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสีย(บำบัดน้ำเสีย) เป็นตัวจักรที่สำคัญมากที่สุดในกระบวนการบำบัดน้ำเสียขั้นสุดท้ายจากทุกๆแหล่งและทุกๆระบบบำบัด จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม Kasama ) ลดค่า BOD , SS , TDS , FOG ในน้ำเสียแบบง่ายๆในเบื้องต้น ไม่ต้องเสียเวลาเติมอากาศในบ่อบำบัดให้ยุ่งยาก ใช้จุลินทรีย์หอมคาซาม่าย่อยสลายของเสียต่างๆได้ทันที ความหมายของน้ำทิ้ง : น้ำทิ้ง หมายถึง น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดและได้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งกำหนดไว้ BOD ( Biochemical Oxygen Demand ) บีโอดีในน้ำเสีย คือ ปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้ในกระบวนการทางชีวเคมี ( ย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสีย ) มีหน่วยเป็นมิลลิกรัม/ลิตร BOD เป็นตัวชี้วัดว่าในน้ำเสียมีสารอินทรีย์มากหรือน้อย ค่า BOD เป็นค่าพารามิเตอร์ที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง เป็นดัชนีตัวชี้วัดค่าน้ำทิ้งจากการบำบัดน้ำเสียอีกตัวหนึ่งในระบบบำบัดและบ่อบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบ โดยทั่วๆไปค่ามาตรฐานน้ำทิ้ง BOD ไม่เกิน 20 มิลลิกรัม/ลิตร ถ้าค่า BOD เกินกว่า 20 มก./ล ต้องทำการแก้ไขและปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย และถ้าค่า BOD มากกว่า 100 มก./ล คือ น้ำเน่าเสีย ต้องปรับปรุงและแก้ไขระบบทันที ซึ่งจะเห็นได้ว่า BOD เป็นตัวชี้วัดคุณภาพน้ำทิ้งได้ดี นอกจากนี้ยังทำให้รู้ถึงการปนเปื้อนหรือเจือปนของสารอินทรีย์ต่างๆในน้ำเสียนั้นๆ ว่ามีปริมาณมากหรือน้อย ก็สามารถประเมินได้จากค่า BOD นี้ ถ้าค่า BOD ในน้ำเสียต่ำ แสดงให้เห็นว่าน้ำเสียนั้นๆมีสารอินทรีย์เจือปนน้อย ในทางตรงกันข้าม ถ้าค่า BOD สูงมาก แสดงให้รู้ว่าในน้ำเสียนั้นๆมีสารอินทรีย์เจือปนมาก ในการบำบัดน้ำเสียตัวแปรหรือตัวจักรที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดก็คือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสีย ค่า BOD สูงก็ต้องใช้ปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายสูงตามไปด้วย แต่ถ้าค่า BOD ต่ำ ก็จะใช้ปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายน้อยตามไปด้วย BOD ถือว่าเป็นตัวประเมินคุณภาพน้ำทิ้ง น้ำเสีย และปริมาณสารอินทรีย์ที่เจือปนอยู่ในน้ำเสียได้เป็นอย่างดี ค่า BOD ในน้ำเสียอธิบายอะไรได้บ้าง ? ถ้าค่า BOD <= 6 มก./ล ( น้อยกว่าหรือเท่ากับ 6 ) ทำให้รู้ว่า น้ำนั้นเป็น น้ำดี ( น้ำสำหรับอุปโภคและบริโภค ) ถ้าค่า BOD ไม่เกิน 20 มก./ล ถือว่าเป็นน้ำทิ้งที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ ถ้าค่า BOD มากกว่า 100 มก./ล แสดงให้เห็นว่า น้ำนั้น เป็น น้ำเน่าเสีย ยิ่งค่า BOD มีค่าสูงมากๆ น้ำเสียย่งวิกฤตมากตามไปด้วย ค่า BOD ทำให้รู้ว่าในน้ำเสียนั้นๆ มีปริมาณ SS ( ปริมาณของแข็งแขวนลอย Suspended Solid : SS ) , SS ตะกอนหนัก( Settleable Solids : SS ) , FOG ( ไขมันและน้ำมัน Fat , Oil and Grease) และ TDS ( ค่าสารที่ละลายได้ทั้งหมด Total Dissolved Solid : TDS ) มากน้อยเท่าใด ค่า BOD สูงๆ แสดงให้เห็นว่าในน้ำเสียนั้นๆมีสารปนเปื้อนในปริมาณมาก โดยเฉพาะค่า SS ( ทั้งสารแขวนลอยและตะกอนหนัก ) มีมากหรือน้อยให้ดูที่ค่า BOD ในเบื้องต้น ถ้ามีสารต่างๆ ( สารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ ) ปนเปื้อนหรือเจือปนในน้ำมากๆ จะส่งผลให้ค่า SS และ TDS สูงตามไปด้วย และค่า BOD ก็จะสูงตาม น้ำเสียก็ยิ่งวิกฤตมากยิ่งขึ้น แล้วจะลดค่า BOD ที่สูงๆในน้ำเสียได้อย่างไร ? ในการลดค่า BOD ที่สูงๆในน้ำเสียหรือในบ่อบำบัดน้ำเสีย ระบบบำบัดน้ำเสีย ในเบื้องต้นสามารถทำได้ 2 ส่วนดังนี้.- 1. การลดค่า BOD ในขั้นแรกหรือในเบื้องต้นทางกายภาพ ด้วยการตกตะกอนหยาบ ตะกอนละเอียด และการใช้ฟลิเตอร์กรอง ซึ่งจะช่วยลดค่า TDS ( ค่า SS , SS , FOG รวมกัน ) ค่า TDS เป็นค่ารวมทั้งหมดของ SS , SS , FOG โดยการใช้ฟิลเตอร์เป็นลำดับชั้น โดยเริ่มต้นจากกรองชั้นหยาบ และกรองชั้นละเอียด ( ระดับไมครอน ) หลายๆชั้นตามลำดับ จะส่งผลให้ค่า TDS ลดลงได้มากพอสมควรในส่วนสารที่โมเลกุลขนาดเล็กๆที่หลุดไปจากฟิลเตอร์ ก็ให้เป็นเรื่องของจุลินทรีย์ไปย่อยสลายในลำดับต่อๆไป 2. ขั้นตอนที่ 2 การลดค่า BOD ทางชีวภาพต่อจากขั้นตอนที่ 1 ในข้อ 1 เป็นกระบวนการย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสียโดยวิธีชีวภาพคือการใช้จุลินทรีย์เข้าไปย่อยสลายของเสียต่างๆ ( สารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ ) ในน้ำเสียนั้นๆ กระบวนการย่อยสลายสสารต่างๆในน้ำเสียจะได้ผลผลิตออกมาเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2 ) + น้ำ + พลังงานและก๊าซต่างๆ ตามสมการด้านล่างนี้ ของเสียในน้ำเสีย ( สารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ ) ==>> ถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ ==>> CO2 + น้ำ + พลังงาน
จากสมการด้านบนจะเห็นได้ว่า จุลินทรีย์คือตัวการแปรสภาพของสสารต่างๆในน้ำเสียให้เปลี่ยนสภาพไปเป็นอีกสถานะหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้ SS , FOG หายไป จึงทำให้ค่า TDS ลดลงตามและแปรเปลี่ยนสภาพไปในที่สุด ส่งผลให้ค่า BOD ลดลงเป็นระยะๆจนเข้าสู่ค่ามาตรฐานน้ำทิ้ง ต้องการให้ค่า BOD ลดลงเร็วที่สุดขึ้นอยู่กับปัจจัยใดหรือสิ่งใด ? - ปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายในระบบ ต้องมีปริมาณมากพอสมควร เพื่อทำการย่อยสลายของเสียต่างๆให้หมดไปได้รวดเร็ว ( การย่อยสลายของเสียต่างๆของจุลินทรีย์ต้องใช้เวลา ) การย่อยสลายจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับจุลินทรีย์ย่อยสลายกลุ่มนี้ ( มีสภาวะแวดล้อมที่ดีในการดำรงชีพ ) ถ้าปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายมีมาก การย่อยสลายก็จะเร็วขึ้น สสารต่างๆในน้ำเสียก็จะแปรเปลี่ยนสภาพเร็วตามไปด้วย - การใช้ฟิลเตอร์กรองของเสียต่างๆในน้ำเสียให้ได้มากที่สุด ( กรอง สารแขวนลอยSS , ตะกอนหนักSS , ไขมันและน้ำมัน FOG ) จะส่งผลให้ค่า BOD ลดลงได้ในระดับหนึ่ง ค่าพารามิเตอร์ที่ควรรู้เบื้องต้นอันดับแรกก็คือ ค่า BOD และ DO ในบ่อบำบัดน้ำเสีย
การบำบัดน้ำเสียโดยใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า การบำบัดน้ำเสียและย่อยสลายของเสียต่างๆต้องใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลาย ซึ่งกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสียต่างๆยังจำแนกออกเป็น 2 กลุ่มดังต่อไปนี้. - 1. กลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลักในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายและการดำรงชีพเจริญเติบโต 2. กลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสีย ( ใช้วิธีการแลกอิเล็คตรอนกับสารประกอบต่างๆ ) จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม Kasama ) เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย ( Anaerobic Bacteria ) สามารถใช้ได้กับระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบที่มีปัญหาอออกซิเจนละลายในน้ำเสียไม่เพียงพอ ( ค่า DO ในน้ำเสียต่ำ ) ซึ่งทำให้กลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลักในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียไม่ทำงานหรือทำงานได้น้อยมาก จึงส่งผลให้น้ำเสียวิกฤตมากยิ่งขึ้นนั่นเอง รวมทั้งกลิ่นเน่าเหม็นต่างๆสะสมมากขึ้น การดับกลิ่นเน่าเหม็นจากสารอินทรีย์ โดยเฉพาะในบ่อบำบัดน้ำเสียที่ส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง จุลินทรีย์หอมคาซาม่าจะเข้าไปกำจัดกลิ่นเน่าเหม็นเหล่านี้ รวมทั้งการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียเหมือนกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยา อธิบายกระบวนการบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศ AS + จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( ภาพบน ) จากภาพบนเป็นการบำบัดน้ำเสียระบบ AS เติมอากาศ ( จุลินทรีย์ย่อยสลายชนิดใช้ออกซิเจน ) + จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( ไม่ใช้ออกซิเจนในการย่อยสลาย ) จะเห็นได้ว่าถ้าเป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบ AS เดิมในบ่อที่ 1 จะเป็นบ่อรับน้ำเสียและตกตะกอนเบื้องต้นธรรมดาเท่านั้น ( การย่อยสลายเกิดขึ้นน้อยมากในบ่อนี้ ) ก่อนที่จะผ่านเข้าไปบ่อเติมอากาศบ่อที่ 2 ซึ่งเป็นบ่อที่ทำการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียได้มากที่สุดในระบบนี้ ( บ่อย่อยสลายขงเสียโดยใช้จุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) และส่งต่อไปยังบ่อพักน้ำทิ้งที่บำบัดแล้วในบ่อที่ 3 ( ตามภาพบน ) การบำบัดน้ำเสียและย่อยสลายของเสียส่วนใหญ่ในระบบ AS นี้จะเกิดขึ้นในจุดเดียวคือ บ่อเติมอากาศ ( มีจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) ซึ่งมีกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนเป็นตัวทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียต่างๆและบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดี แต่เมื่อเติมจุลินทรีย์หอมคาซาม่าเข้าไปเพิ่มเติม ( ในบ่อที่ 1 ) จะเกิดการย่อยสลายในบ่อที่ 1 หรือบ่อแรกเพิ่มขึ้นทันทีอีกจุดหนึ่ง ( เหมือนบ่อเติมอากาศ ) กลุ่มจุลินทรีย์หอมคาซาม่าเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย ดังนั้น ออกซิเจนจึงไม่มีความจำเป็นสำหรับจุลินทรีย์หอมคาซาม่า สามารถทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียในน้ำเสียนั้นๆได้ทันที จะเห็นได้ว่าการย่อยสลายของเสียเกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 2 จุดหรือ 2 บ่อ ( บ่อที่ 1 และ บ่อเติมอากาศ ) ซึ่งเป็นการบำบัดน้ำเสียแบบดับเบิ้ล คือ บ่อที่ 1 จุลินทรีย์หอมคาซาม่าเป็นตัวบำบัด ( ย่อยสลายของเสียต่างๆ )เป็นด่านแรกก่อนที่จะส่งต่อไปบำบัดอีกชั้นหนึ่งที่บ่อเติมอากาศ ( มีจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนย่อยสลาย ) จึงส่งผลให้ประสิทธิภาพการย่อยสลายของเสียและการบำบัดน้ำเสียทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ค่าพารามิเตอร์ต่างๆจะลดลงตั้งแต่การย่อยสลายหรือการบำบัดในบ่อแรกแล้ว การบำบัดและย่อยสลายของเสียต่างๆซ้ำในบ่อเติมอากาศ ( โดยจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) ยิ่งจะทำให้ค่าพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น BOD , SS , TDS , FOG , TKN ลดลงมากยิ่งขึ้นไปอีก ตะกอนต่างๆก็จะลดลงเหลือน้อยมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นเพราะประสิทธิภาพการบำบัดสองชั้นดังกล่าว ( บำบัดด้วยจุลินทรีย์หอมคาซาม่าในบ่อแรกและบำบัดด้วยจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนในบ่อเติมอากาศ) จึงส่งผลให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งดีขึ้นกว่าปกติที่เคยเป็น ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งผ่านเกณฑ์ได้ง่ายขึ้นเป็นเพราะผลของการบำบัดหรือการย่อยสลายของเสีย 2 ชั้น ปฏิกิริยาการย่อยสลายก็จะรวดเร็วขึ้นกว่าปกติ ของเสียต่างๆในน้ำเสียจึงไม่เป็นภาระหนักให้กับบ่อเติมอากาศเพียงจุดเดียวอีกต่อไป ( ไม่เป็นภาระหนักให้กับจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) ที่อาจย่อยสลายของเสียได้ไม่หมดหรือย่อยสลายได้เพียงบางส่วนเล็กน้อย จึงส่งผลให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งไม่ผ่านเกณฑ์ในบ่อสุดท้ายบ่อยๆได้
สรุป จุลินทรีย์หอมคาซาม่าไปเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียในระบบ AS และยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียให้กับกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนในบ่อเติมอากาศอีกชั้นหนึ่ง การย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ ส่งผลให้ระบบบำบัดน้ำเสียสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เป็นการบำบัดน้ำเสียโดยการใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มจุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( ไม่ใช้ออกซิเจน ) และกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก ทำให้สสารที่เจือปนอยูในน้ำเสียถูกย่อยสลายได้มากขึ้นและเร็วขึ้นกว่าปกติทั่วๆไป หมายเหตุ : จุลินทรีย์หอมคาซาม่า สามารถใช้ได้กับระบบบำบัดน้ำเสียได้ทุกๆระบบ ( ในทั้งหมด 6 ระบบ ) นอกจากบำบัดน้ำเสียได้ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติเด่นๆในเรื่องของการกำจัดกลิ่นหรือดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆเพิ่มอีกด้วย คุณสมบัติของจุลินทรีย์หอมคาซาม่า จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม-Kasama ) ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลากหลายกลุ่มดังต่อไปนี้ การสังเคราะห์จุลินทรีย์หอมคาซาม่าเป็นการรวมกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโชน์และมีประสิทธิภาพมารวมอยู่ในที่เดียวกัน มีจุลินทรีย์รวมอยู่ 5 แฟมิลี่ 10 จีนัส 80 สปีชีส์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มดังต่อไปนี้ 1. กลุ่มจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง (Photosynthetic bacteria) 2. กลุ่มจุลินทรีย์ผลิตกรดแลคติก (Lactic acid bacteria) 3. กลุ่มจุลินทรีย์ตรึงไนโตเจน (Nitrogen fixing bacteria) จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม-kasama ) ดับกลิ่นหรือกำจัดกลิ่นประเภทใดได้บ้าง? จุลินทรีย์หอม-kasama ดับกลิ่นหรือกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ดังต่อไปนี้ 1. กลิ่นเน่าเหม็นจากสารอินทรีย์ ( สารที่มาจากพืชและสัตว์ ) 2. กลิ่นเหม็นในบ่อเกรอะ กลิ่นเหม็นส้วม กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆในห้องน้ำ 3. กลิ่นเหม็นจากปัสสาวะและอุจจาระทั้งคนและสัตว์เลี้ยงทุกชนิด 4. กลิ่นเหม็นในบ่อบำบัดน้ำเสีย ที่เกิดจากการเก็บของเสียต่างๆในบ่อบำบัดน้ำเสียทำให้เกิดกลิ่นเน่าเหม็นขึ้นมา 5. กลิ่นคาวเลือดหรือคาวปลาในโรงงานเชือดไก่ เชือดสุกร หรือโรงงานเชือดปลา เป็นต้น 6. กลิ่นจากบ่อขยะ หรือกลิ่นจากถังขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ 7. กลิ่นเหม็นจากท่อระบายน้ำทิ้ง กลิ่นเหม็นจากน้ำที่เน่าเสีย 8. กลิ่นเน่าเหม็นจากไขมัน จากบ่อดักไขมันตามร้านอาหารหรือโรงอาหาร เป็นต้น 9. กลิ่นเหม็นจากการหมักพืชและสัตว์ 10. กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆที่นอกเหนือไปจากที่กล่าวมาทั้งหมด กลิ่นใดที่จุลินทรีย์หอมคาซาม่าดับไม่ได้หรือกำจัดกลิ่นไม่ได้ ? กลิ่นที่เกิดขึ้นจากสารเคมีจำพวกกรดหรือด่างที่มีฤทธิ์ทำลายหรือกัดกร่อนสูง ราคาจำหน่ายจุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม-Kasama ) แกลลอนขนาด 20 ลิตร ( มีขนาดเดียว ) ราคาแกลลอนละ 1,200 บาท จัดส่งทั่วประเทศฟรีๆ มีปัญหาระบบบำบัดน้ำเสียด้อยประสิทธิภาพ ต้องการแก้ปัญหาบ่อดักไขมันส่งกลิ่นเหม็นรบกวน บ่อเกรอะส่งกลิ่นเหม็นรบกวน น้ำเน่าเหม็นน้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นรบกวน บ่อบำบัดน้ำเสียส่งกลิ่นเหม็นรบกวนใจ ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็น ใช้จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม-kasama ) เปลี่ยนกลิ่นเหม็นให้เป็นกลิ่นหอมได้รวดเร็วทันใจ
จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย/การบำบัดน้ำเสียในคอนโดมิเนียมทุกๆแห่ง กดดูที่นี่.. จุลินทรีย์เติมบ่อบำบัดน้ำเสีย/จุลินทรีย์ใส่บ่อบำบัดน้ำเสีย คลิกดูที่นี่... ปัญหาบ่อเติมอากาศส่งกลิ่นเหม็นเกิดจากสาเหตุใด ? คลิกดูที่นี่.. เทคนิคการลดค่า BOD สูงในน้ำเสียทุกๆแห่ง คลิกดูที่นี่.. การบำบัดน้ำเสียและบำบัดกลิ่นในโรงงานไอศครีมทุกๆแห่ง คลิกที่นี่... การแก้ปัญหาน้ำเสียและกลิ่นในโรงงานปลาหมึกทุกๆแห่ง คลิกที่นี่.. การแก้ปัญหาน้ำเสียและกลิ่นในโรงงานขนมจีนทุกๆแห่ง คลิกที่นี่... การเช็คค่า BOD , pH , DO ของระบบบำบัดน้ำเสีย คลิกดูที่นี่... วิธีการลดค่า BOD , SS , TDS ในโรงงานปลากระป๋อง คลิกที่นี่.. จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย/จุลินทรีย์หอมบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบ คลิกที่นี่.. การบำบัดน้ำเสียในโรงพยาบาลและสถานพยาบาลทั่วๆไป คลิกดูที่นี่.. [[ค่ามาตรฐานน้ำทิ้ง คลิกที่นี่..]]
|