ค่า DO สำคัญอย่างไร ?
สิ่งที่ไม่ควรกระทำมากที่สุดในระบบบำบัดน้ำเสียในทุกๆระบบ คือ การปรับค่า pH โดยการใช้กรดหรือด่างที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง เช่น กรดซัลฟูริค โซดาไฟ เป็นต้น เพราะสารเหล่านี้เป็นอันตรายทำลายจุลินทรีย์ในบ่อบำบัดน้ำเสีย โดยเฉพาะในบ่อเติมอากาศ ส่งผลให้ปริมาณจุลินทรีย์บำบัดน้ำเสียลดลง และจะส่งผลต่อค่ามาตรฐานน้ำทิ้งโดยตรง ต้องหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อจุลินทรีย์ในระบบบำบัด กรณีที่เป็นสารเคมีจากไลน์ผลิตและเป็นสารเคมีอันตราย ให้ทำการเจือจาง( Dilute )ด้วยปูนขาวก่อน เพื่อลดความรุนแรงของสารเคมี ก่อนเข้าระบบบำบัด สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในการบำบัดน้ำเสียและในระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบคือ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสีย(บำบัดน้ำเสีย) เป็นตัวจักรที่สำคัญมากที่สุดในกระบวนการบำบัดน้ำเสียขั้นสุดท้ายจากทุกๆแหล่งและทุกๆระบบบำบัด ค่า DO คืออะไร? ค่า DO ( Dissolved Oxygen ) หมายถึง ค่าของปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำ มีหน่วยเป็นมิลลิกรัมต่อลิตร ( mg/l ) ค่า DO มีผลโดยตรงต่อกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก ออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำเสียมีความสำคัญต่อการดำรงชีพและการเจริญเติบโตขยายเซลล์ของกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียที่ใช้ออกซิเจน ถ้าค่า DO ในน้ำเสียนั้นๆมีค่าต่ำ กลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนก็แทบจะไม่มีเลย หรือมีปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณของเสียและน้ำเสีย ปัญหาในระบบบำบัดน้ำเสียจะเกิดขึ้นทันที น้ำเน่าเสียก็เริ่มปรากฎ กลิ่นเน่าเหม็นเริ่มมา นี่คือ ความสำคัญของค่า DO ค่า DO มีความสำคัญอย่างไรต่อบ่อบำบัดน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆแห่ง โปรดติดตามเรื่องราวของ DO ดังต่อไปนี้.- ก๊าซออกซิเจน ( O2 ) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิตแทบทั้งสิ้น ถึงแม้ว่า น้ำ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่สิ่งมีชีวิตแทบทุกๆชนิดใช้น้ำในการดำรงชีวิตทั้งพืชและสัตว์ ขาดน้ำคือ ตายสถานเดียวเท่านั้น สิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะสัตว์น้ำที่เป็นสิ่งมีชีวิตต้องการน้ำดีในการดำรงชีพ น้ำเสียทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆในน้ำเสียนั้นๆตายได้ทุกเมื่อ ทุกๆชีวิตปรารถนาแต่น้ำดีแทบทั้งนั้นในการดำรงชีพ จุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย ถึงแม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆ จะมีจุลินทรีย์ย่อยสลายบางกลุ่มที่ใช้ออกซิเจนในการดำรงชีพและเจริญเติบโตขยายเซลล์
น้ำดี หรือ น้ำเสีย วัดกันที่จุดใด ? ตัวชี้วัดว่าเป็น น้ำดี หรือ น้ำเสีย ( BOD >= 100 mg/l คือ น้ำเสีย ) มาตรฐานน้ำทิ้งทั่วๆไป จะมีค่า BOD <= 20 mg/l ซึ่งเป็นค่า BOD ที่ไม่ก่อมลภาวะและมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่ถ้าค่า BOD >= 100 mg/l ขึ้นไป ถือว่าเป็นน้ำเน่าเสีย แล้วค่า DO เกี่ยวข้องอะไรกับน้ำ ? ค่า DO คือปริมาณของออกซิเจน ( O2 ) ที่ละลายอยู่ในน้ำนั้นๆ ว่ามีปริมาณเท่าใด ซึ่งค่า DO มีหน่วยเป็นมิลลิกรัมต่อลิตร ดังนั้น การดูว่าน้ำใดเป็นน้ำดี หรือ น้ำเสีย ดูได้จากค่า DO อีกค่าหนึ่ง หรือพิจารณาได้จากทั้งค่า DO และ ค่า BOD รวมกัน ก็จะทำให้ทราบผลในเบื้องต้นว่า น้ำดีหรือน้ำเสีย น้ำดี ( น้ำสำหรับอุปโภคและบริโภคโดย น้ำดี ค่า BOD <= 6 mg/l ค่า DO >= 6 mg/l ขึ้นไป ( ค่ามาตรฐานน้ำอุปโภค และ บริโภค จากกรมควบคุมมลพิษ คลิกที่นี่..) น้ำเสีย หมายถึงน้ำที่มีสิ่งเจือปนต่างๆมากมาย ( สารอินทรีย์และสารอินินทรีย์ ) สกปรกจนกระทั่งกลายเป็นน้ำที่ไม่เป็นที่ต้องการ ค่า BOD และ COD เป็นตัวชี้วีดความสกปรกของน้ำเสียได้ดี ส่วนค่า DO คือ ตัวชี้วัดน้ำเสียในเบื้องต้น ถ้าค่า DO ในน้ำ >= ( มากกว่าหรือเท่ากับ ) 3 มก./ล ถือว่าเป็นน้ำดี ( น้ำทิ้งดี ) ถ้าค่า DO ต่ำกว่า 2 มก./ล ถือว่าเป็นน้ำเสีย น้ำที่เกิดการเน่าเสียจะมีค่า DO ต่ำมาก จุลินรีย์ย่อยสลายกลุ่มที่ใช้ออกซิเจนเป็นไม่สามารถเจริญเติบโตและดำรงชีพอยู่ได้ เพราะออกซิเจนในน้ำมีน้อยหรือแทบไม่มีเลย น้ำเสียต้องทำการบำบัดให้ผ่านค่ามาตรฐานน้ำทิ้งก่อนจึงจะปล่อยทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อมสาธารณะได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยเฉพาะน้ำเสียที่มาจากมนุษย์สร้างขึ้นมาตามสถานที่ องค์กร หน่วยงาน อาคารต่างๆ กฎหมายกำหนดให้มีบ่อบำบัดน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆแห่ง เพื่อทำการบำบัดน้ำเสียที่เกิดขึ้นก่อนปล่อยทิ้งออกสู่สาธารณะ ทางราชการจึงได้กำหนดมาตรฐานค่าน้ำทิ้งแต่ละแหล่งให้แต่ละองค์กรปฏิบัติตามข้อกำหนด
การหาค่าของ DO ในน้ำ ( น้ำดี , น้ำเสีย และ น้ำทิ้ง ) DO (Dissolved oxygen) คือ ปริมาณของ O2 ที่ละลายในน้ำนั้นๆ ในการหาปริมาณ O2 ในน้ำใช้สารเคมีหลายชนิดทำปฏิกิริยากับ O2 ในน้ำดังนี้ ( สูตรหาปริมาณ O2 ( ค่า DO ) ในน้ำ ) 2Mn O4 + 4OH- ------------------> 2Mn(OH)2 + 2SO2-4 ความหมายของน้ำทิ้ง น้ำทิ้งหมายถึงน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว ( จากน้ำเสียในระบบบำบัด ) รอการปล่อยทิ้งออกสูสิ่งแวดล้อมสาธารณะต่อไป ซึ่งน้ำทิ้งต้องได้ค่ามาตรฐานหรือได้เกณฑ์ผ่านค่ามาตรฐานเรียบร้อยแล้วจึงจะได้ชื่อว่า " น้ำทิ้ง " ที่ถูกต้อง ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ตามค่ามาตรฐานน้ำทิ้งกำหนดไว้ต้องนำกลับเข้าไปทำการบำบัดในระบบอีกครั้งต่อไป ( ถือว่าเป็นน้ำเสียอยู่ ) ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งต่างๆจะถูกกำหนดขึ้นโดยทางราชการ ( กฎหมายสิ่งแวดล้อม ) ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งที่มาจากแต่ละแหล่งจะไม่เท่ากันหรือไม่เหมือนกันเป็นบางค่า บางค่าก็เท่ากัน ( ค่าพารามิเตอร์มาตรฐานน้ำทิ้ง ) เจ้าขององค์กรแต่ละแห่งต้องทำการปฏิบัติตามกฎหมายมาตรฐานน้ำทิ้งของแต่ละแหล่ง ดังนั้น ในหน่วยงานหรือองค์กรของท่านจึงต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียและบ่อบำบัดน้ำเสียเป็นของตนเองโดยเฉพาะ ทำหน้าที่บำบัดน้ำเสียที่มาจากหน่วยงานทั้งหมด เพื่อให้เป็นน้ำดีก่อนปล่อยทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อมสาธารณะต่อไป น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วต้องได้มาตรฐานน้ำทิ้งก่อนเท่านั้นจึงจะปล่อยทิ้งออกสู่สาธารณะได้ ถ้าไม่ผ่านค่ามาตรฐานน้ำทิ้งถือว่าผิดกฎหมายสิ่งแวดล้อม ต้องทำการแก้ไขและปรับปรุงระบบทั้งหมด เพื่อให้ระบบบำบัดกลับมาบำบัดน้ำเสียให้ได้มาตรฐานตามที่ทางราชการกำหนดไว้ น้ำเสีย ( น้ำทิ้ง ) ที่ไม่ผ่านมาตรฐานน้ำทิ้ง ส่วนใหญ่จะมีปัญหาในเรื่องของออกซิเจนละลายในน้ำเสียมีน้อย ( ค่า DO ต่ำกว่า 3 mg/l ) ซึ่งจะเป็นอุปสรรคกับจุลินทรีย์กลุ่มที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก จุลินทรีย์ย่อยสลายกลุ่มนี้จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายและการดำรงชีพในน้ำเสียนั้นๆ ออกซิเจนที่ละลายในน้ำเสียมีน้อย จุลินทรีย์กลุ่มที่ใช้ออกซิเจนก็มีน้อยตามไปด้วย ในขณะที่ของเสียในน้ำเสียมีปริมาณมาก การย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสียจึงทำไม่ได้เต็มที่ ( เพราะจุลินทรีย์กลุ่มที่ใช้อากาศมีน้อย ) เป็นที่มาของปัญหา น้ำทิ้งจากระบบบำบัดไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานน้ำทิ้ง ดังนั้น ค่า DO จึงเป็นตัวชี้วัดค่า มาตรฐานน้ำทิ้งอีกตัวหนึ่งที่สำคัญ ( นอกจากค่า BOD) การวัดค่าน้ำทิ้งเป็นประจำวันในเบื้องต้น ควรวัดค่า DO และ BOD เป็นหลักก่อน เพราะจะทำให้รู้ข้อมูลในเบื้องต้นทันทีว่า ระบบบำบัดน้ำเสียและบ่อบำบัดน้ำเสียของท่ามีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำทิ้งให้ได้มาตรฐานหรือไม่ ซึ่งดูได้จากค่าพารามิเตอร์ 2 ค่านี้ อธิบายกระบวนการบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศ AS + จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( ภาพบน ) จากภาพบนเป็นการบำบัดน้ำเสียระบบ AS เติมอากาศ ( จุลินทรีย์ย่อยสลายชนิดใช้ออกซิเจน ) + จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( ไม่ใช้ออกซิเจนในการย่อยสลาย ) จะเห็นได้ว่าถ้าเป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบ AS เดิมในบ่อที่ 1 จะเป็นบ่อรับน้ำเสียและตกตะกอนเบื้องต้นธรรมดาเท่านั้น ( การย่อยสลายเกิดขึ้นน้อยมากในบ่อนี้ ) ก่อนที่จะผ่านเข้าไปบ่อเติมอากาศบ่อที่ 2 ซึ่งเป็นบ่อที่ทำการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียได้มากที่สุดในระบบนี้ ( บ่อย่อยสลายขงเสียโดยใช้จุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) และส่งต่อไปยังบ่อพักน้ำทิ้งที่บำบัดแล้วในบ่อที่ 3 ( ตามภาพบน ) การบำบัดน้ำเสียและย่อยสลายของเสียส่วนใหญ่ในระบบ AS นี้จะเกิดขึ้นในจุดเดียวคือ บ่อเติมอากาศ ( มีจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) ซึ่งมีกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนเป็นตัวทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียต่างๆและบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดี แต่เมื่อเติมจุลินทรีย์หอมคาซาม่าเข้าไปเพิ่มเติม ( ในบ่อที่ 1 ) จะเกิดการย่อยสลายในบ่อที่ 1 หรือบ่อแรกเพิ่มขึ้นทันทีอีกจุดหนึ่ง ( เหมือนบ่อเติมอากาศ ) กลุ่มจุลินทรีย์หอมคาซาม่าเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย ดังนั้น ออกซิเจนจึงไม่มีความจำเป็นสำหรับจุลินทรีย์หอมคาซาม่า สามารถทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียในน้ำเสียนั้นๆได้ทันที จะเห็นได้ว่าการย่อยสลายของเสียเกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 2 จุดหรือ 2 บ่อ ( บ่อที่ 1 และ บ่อเติมอากาศ ) ซึ่งเป็นการบำบัดน้ำเสียแบบดับเบิ้ล คือ บ่อที่ 1 จุลินทรีย์หอมคาซาม่าเป็นตัวบำบัด ( ย่อยสลายของเสียต่างๆ )เป็นด่านแรกก่อนที่จะส่งต่อไปบำบัดอีกชั้นหนึ่งที่บ่อเติมอากาศ ( มีจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนย่อยสลาย ) จึงส่งผลให้ประสิทธิภาพการย่อยสลายของเสียและการบำบัดน้ำเสียทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ค่าพารามิเตอร์ต่างๆจะลดลงตั้งแต่การย่อยสลายหรือการบำบัดในบ่อแรกแล้ว การบำบัดและย่อยสลายของเสียต่างๆซ้ำในบ่อเติมอากาศ ( โดยจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) ยิ่งจะทำให้ค่าพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น BOD , SS , TDS , FOG , TKN ลดลงมากยิ่งขึ้นไปอีก ตะกอนต่างๆก็จะลดลงเหลือน้อยมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นเพราะประสิทธิภาพการบำบัดสองชั้นดังกล่าว ( บำบัดด้วยจุลินทรีย์หอมคาซาม่าในบ่อแรกและบำบัดด้วยจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนในบ่อเติมอากาศ) จึงส่งผลให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งดีขึ้นกว่าปกติที่เคยเป็น ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งผ่านเกณฑ์ได้ง่ายขึ้นเป็นเพราะผลของการบำบัดหรือการย่อยสลายของเสีย 2 ชั้น ปฏิกิริยาการย่อยสลายก็จะรวดเร็วขึ้นกว่าปกติ ของเสียต่างๆในน้ำเสียจึงไม่เป็นภาระหนักให้กับบ่อเติมอากาศเพียงจุดเดียวอีกต่อไป ( ไม่เป็นภาระหนักให้กับจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) ที่อาจย่อยสลายของเสียได้ไม่หมดหรือย่อยสลายได้เพียงบางส่วนเล็กน้อย จึงส่งผลให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งไม่ผ่านเกณฑ์ในบ่อสุดท้ายบ่อยๆได้
สรุป จุลินทรีย์หอมคาซาม่าไปเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียในระบบ AS และยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียให้กับกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนในบ่อเติมอากาศอีกชั้นหนึ่ง การย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ ส่งผลให้ระบบบำบัดน้ำเสียสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เป็นการบำบัดน้ำเสียโดยการใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มจุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( ไม่ใช้ออกซิเจน ) และกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก ทำให้สสารที่เจือปนอยูในน้ำเสียถูกย่อยสลายได้มากขึ้นและเร็วขึ้นกว่าปกติทั่วๆไป หมายเหตุ : จุลินทรีย์หอมคาซาม่า สามารถใช้ได้กับระบบบำบัดน้ำเสียได้ทุกๆระบบ ( ในทั้งหมด 6 ระบบ ) นอกจากบำบัดน้ำเสียได้ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติเด่นๆในเรื่องของการกำจัดกลิ่นหรือดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆเพิ่มอีกด้วย จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม kasama ) เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียชนิดไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยา สังเคราะห์ขึ้นจากหัวเชื้อของจุลินทรีย์ต้นฉบับโดยตรง ไม่ใช่หมักจากเปลือกผลไม้ เป็นจุลินทรีย์ที่เข้มข้นและมีความหนาแน่นของจุลินทรีย์สูง สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลายอย่างด้วยกัน ทั้งการบำบัดน้ำเสียและกำจัดกลิ่น รวมถึงประยุกต์เป็นปุ๋ยในทางการเกษตรก็สามารถทำได้ เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ดึงออกซิเจนในน้ำมาใช้ในการทำปฏิกิริยาย่อยสลาย แต่ช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำจากการสังเคราะห์แสง คุณสมบัติของจุลินทรีย์คาซาม่า - ใช้บำบัดน้ำเสีย ย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสีย - ย่อยสลายสารอินทรีย์วัตถุให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลง - ย่อยสลาย Fat, Greas & Oil ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ - ดับกลิ่นหรือกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ กลิ่นเน่าเหม็นจากสารอินทรีย์ทุกชนิด จุลินทรีย์หอมคาซาม่าเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย ( Anaerobic Bacteria ) สามารถใช้ได้กับระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบที่มีปัญหาอออกซิเจนละลายในน้ำเสียไม่เพียงพอ ( ค่า DO ในน้ำเสียต่ำ ) ซึ่งทำให้กลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจเป็นหลักในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียไม่ทำงาน จึงส่งผลให้น้ำเสียวิกฤตมากยิ่งขึ้นนั่นเอง รวมทั้งกลิ่นเน่าเหม็นต่างๆสะสมมากขึ้น จุลินทรีย์หอมคาซาม่าช่วยเพิ่มออกซิเจนในบ่อบำบัดน้ำเสียในระดับหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก การดับกลิ่นเน่าเหม็นจากสารอินทรีย์ โดยเฉพาะในบ่อบำบัดน้ำเสียที่ส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง จุลินทรีย์คาซาม่าจะเข้าไปกำจัดกลิ่นเน่าเหม็นเหล่านี้ รวมทั้งการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียเหมือนกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยา จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม-kasama ) ดับกลิ่นหรือกำจัดกลิ่นประเภทใดได้บ้าง? จุลินทรีย์หอม-kasama ดับกลิ่นหรือกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ดังต่อไปนี้ 1. กลิ่นเน่าเหม็นจากสารอินทรีย์ ( สารที่มาจากพืชและสัตว์ ) 2. กลิ่นเหม็นในบ่อเกรอะ กลิ่นเหม็นส้วม กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆในห้องน้ำ 3. กลิ่นเหม็นจากปัสสาวะและอุจจาระทั้งคนและสัตว์เลี้ยงทุกชนิด 4. กลิ่นเหม็นในบ่อบำบัดน้ำเสีย ที่เกิดจากการเก็บของเสียต่างๆในบ่อบำบัดน้ำเสียทำให้เกิดกลิ่นเน่าเหม็นขึ้นมา 5. กลิ่นคาวเลือดหรือคาวปลาในโรงงานเชือดไก่ เชือดสุกร หรือโรงงานเชือดปลา เป็นต้น 6. กลิ่นจากบ่อขยะ หรือกลิ่นจากถังขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ 7. กลิ่นเหม็นจากท่อระบายน้ำทิ้ง กลิ่นเหม็นจากน้ำที่เน่าเสีย 8. กลิ่นเน่าเหม็นจากไขมัน จากบ่อดักไขมันตามร้านอาหารหรือโรงอาหาร เป็นต้น 9. กลิ่นเหม็นจากการหมักพืชและสัตว์ 10. กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆที่นอกเหนือไปจากที่กล่าวมาทั้งหมด กลิ่นใดที่จุลินทรีย์หอมคาซาม่าดับไม่ได้หรือกำจัดกลิ่นไม่ได้ ? กลิ่นที่เกิดขึ้นจากสารเคมีจำพวกกรดหรือด่างที่มีฤทธิ์ทำลายหรือกัดกร่อนสูง ราคาจำหน่ายจุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม-Kasama ) แกลลอนขนาด 20 ลิตร ( มีขนาดเดียว ) ราคาแกลลอนละ 1,200 บาท จัดส่งทั่วประเทศฟรีๆ มีปัญหาบ่อดักไขมันส่งกลิ่นเหม็นรบกวน บ่อเกรอะส่งกลิ่นเหม็นรบกวน น้ำเน่าเหม็นน้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นรบกวน บ่อบำบัดน้ำเสียส่งกลิ่นเหม็นรบกวนใจ ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็น ใช้จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม-kasama ) เปลี่ยนกลิ่นเหม็นให้เป็นกลิ่นหอมได้รวดเร็วทันใจ
จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย/การบำบัดน้ำเสียในคอนโดมิเนียมทุกๆแห่ง กดดูที่นี่.. จุลินทรีย์เติมบ่อบำบัดน้ำเสีย/จุลินทรีย์ใส่บ่อบำบัดน้ำเสีย คลิกดูที่นี่... ปัญหาบ่อเติมอากาศส่งกลิ่นเหม็นเกิดจากสาเหตุใด ? คลิกดูที่นี่.. เทคนิคการลดค่า BOD สูงในน้ำเสียทุกๆแห่ง คลิกดูที่นี่.. การบำบัดน้ำเสียและบำบัดกลิ่นในโรงงานไอศครีมทุกๆแห่ง คลิกที่นี่... การแก้ปัญหาน้ำเสียและกลิ่นในโรงงานปลาหมึกทุกๆแห่ง คลิกที่นี่.. การแก้ปัญหาน้ำเสียและกลิ่นในโรงงานขนมจีนทุกๆแห่ง คลิกที่นี่... การเช็คค่า BOD , pH , DO ของระบบบำบัดน้ำเสีย คลิกดูที่นี่... วิธีการลดค่า BOD , SS , TDS ในโรงงานปลากระป๋อง คลิกที่นี่.. จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย/จุลินทรีย์หอมบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบ คลิกที่นี่.. |