บำบัดน้ำเสียอย่างไรให้เหลือของเสียน้อยที่สุด
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในการบำบัดน้ำเสียและในระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบคือ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย เป็นตัวจักรสำคัญในการบำบัดน้ำเสียจากทุกๆแหล่งและทุกๆระบบบำบัด จะบำบัดน้ำเสียอย่างไร ? ให้ Waste เป็น 0 ( ศูนย์ ) หรือของเสียเป็นศูนย์ ไม่มีกากตะกอนส่วนเกินเหลือค้างเลยตามสมการด้านล่าง ซึ่งเป็นการทำปฏิกิริยาย่อยสลายที่สมบูรณ์แบบ 100% ( ไม่เหลือกากตะกอน )
การบำบัดน้ำเสียให้ของเสียในขั้นตอนสุดท้ายเหลือน้อยที่สุด ล้วนเป็นที่ปรารถนาของระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบ ในความเป็นจริงปฏิกิริยาการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียแบบสมบูรณ์ 100% ไม่มีของเสียเหลือไม่มีกากตะกอนใดๆตกค้างเลย ( ของเสียเป็นศูนย์ )เกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ? ในระบบบำบัดน้ำเสียคงเกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก นอกจากทำการบำบัดซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆรอบ จนกว่าของเสียจะไม่มีเหลือแม้แต่นิดเดียว หรือนำน้ำเสียนั้นๆไปบำบัดผ่านเครื่องกลั่นเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่ไม่มีแร่ธาตุใดๆเลย วัตถุประสงค์ของการบำบัดน้ำเสียจริงๆก็เพื่อให้เหลือของเสียที่เจือปนในน้ำเสียนั้นๆเหลือน้อยที่สุด เพื่อลดมลภาวะและมลพิษไม่ส่งผลเสียและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม น้ำเสียที่ทำการบำบัดแล้วผ่านเกณฑ์มาตรฐานน้ำทิ้งที่ทางราชการกำหนดไว้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว เพราะการบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบต้องมีกากตะกอนส่วนเกิน ( Excess Sludge ) เหลือตกค้างในระบบไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการบำบัดของแต่ละระบบบำบัดเป็นหลัก ถ้าประสิทธิภาพการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียของระบบบำบัดทำได้ดีมากๆ ก็จะเหลือเศษกากตะกอนน้อย การบำบัดและย่อยสลายของเสียหลายชั้นและหลายขั้นตอนของปฏิกิริยาการย่อยสลาย ( ปฏิกิริยาการย่อยสลายเกิดขึ้นแบบซ้ำๆหรือแบบวนซ้ำ ) จะส่งผลให้กากตะกอนในบ่อสุดท้ายเหลือน้อย ซึ่งจะส่งผลให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งผ่านเกณฑ์ได้ง่ายขึ้น การบำบัดของเสียในน้ำเสียให้ค่าของเสียเป็นศูนย์เกิดขึ้นได้ยาก อาจเป็นเพียงในทฤษฎีสมการเท่านั้น ซึ่งที่สุดของที่สุดของปฏิกิริยาการย่อยสลายขั้นสุดท้ายจริงๆก็จะไม่เหลือของเสียที่เป็นกากตะกอนส่วนเกินเลย ( Excess Sludge ) ซึ่งเกิดขึ้นค่อนข้างยากมาก ถ้าปฏิกิริยาการย่อยสลายได้สมบูรณ์ 100% ดังสมการด้านบน ของเสียต่างๆในน้ำเสีย ( ของแข็งและอื่นๆ ) จะแปรเปลี่ยนสภาพของสสารกลายไปเป็น =>> น้ำ + พลังงาน + ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2 ) ซึ่งก็คือ ของเสียหรือ Waste เป็น ศูนย์ นั่นเอง ปฏิกิริยาการย่อยสลายอาจเกิดขึ้นซ้ำๆหลายๆครั้ง ( ขึ้นอยู่กับปริมาณของเสียในน้ำเสียนั้นๆ) ถ้าของเสียในน้ำเสียมีไม่มาก ปฏิกิริยาการย่อยสลายของเสียอาจเกิดขึ้นวนซ้ำไม่หลายครั้งมาก ( ดังภาพด้านล่าง )
ปฏิกิริยาการย่อยสลายของเสียจะเกิดขึ้นและวนซ้ำอยู่เช่นนี้จนกว่า Waste จะเป็น ศูนย์ ( 0 ) ได้ น้ำ + พลังงาน + ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตามสมการด้านบน ระบบบำบัดน้ำเสียในอุดมคติเช่นนี้ต้องมีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียสูงมากๆ ทุกขั้นตอนการบำบัดและการย่อยสลายของเสียต้องมีความสมบูรณ์ทั้งหมด ขาดตกหรือบกพร่องในจุดใดจุดหนึ่งก็ไม่ได้ ซึ่งอาจเทียบได้กับกรณีการกลั่นน้ำที่ไม่เหลือแร่ธาตุใดๆตกค้างเลย แต่ส่วนใหญ่ของการบำบัดน้ำเสียในขั้นตอนสุดท้ายจมีกากตะกอนส่วนเกิน ซึ่งเป็นตะกอนละเอียด ส่วนใหญ่จะนำไปกำจัดทิ้งหรือไม่ก็นำกลับไปบำบัดซ้ำในบ่อเติมอากาศอีกครั้งวนรอบอญุ่เช่นนี้จนกระทั่งไม่เหลือของเสียตกค้างเลย ( ของเสียเป็นศูนย์ ) บำบัดน้ำเสียอย่างไรให้ของเสียที่เจือปนอยู่ในน้ำที่บำบัดแล้วเหลือของเสียน้อยที่สุด ? บำบัดน้ำเสียให้เหลือของเสียน้อยที่สุดเป็นที่ปรารถนาของระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบ ( ได้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งดีที่สุด ) ทุกๆระบบบำบัดน้ำเสียออกแบบมาเพื่อทำการบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดีก่อนปล่อยทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อม แต่จะมีสักกี่แห่งที่ระบบบำบัดน้ำเสียมีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียให้ออกมาเป็นน้ำดี ได้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งผ่านเกณฑ์ทุกๆครั้ง ประเทศไทยระบบบำบัดน้ำเสียส่วนใหญ่ ( มากกว่า 90% ) จะเป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศ AS ( Activated Sludge ) ซึ่งเป็นระบบบำบัดที่ไม่สลับซับซ้อนมากนัก บริหารจัดการดูแลและควบคุมได้ง่าย มีทั้งลงทุนจากน้อยๆไปจนถึงลงทุนสูงก็มี ( ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำเสียและปัจจัยประกอบอื่นๆ ) จุดอ่อนของระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศก็มีอยู่หลายๆจุด โดยเฉพาะจุดเติมอากาศหรือถังเติมอากาศ ซึ่งเป็นจุดที่ปฏิกิริยาการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียเกิดขึ้นมากที่สุดในจุดนี้ ถ้าในจุดนี้ไม่มีความสมบูรณ์จะเกิดปัญหาขึ้นได้ การเติมอากาศสมบูรณ์หรือไม่ ? เครื่องเติมอากาศมีความพร้อมหรือไม่ ? เติมอากาศได้ทั่วถึงกระจายทั้งบ่อบำบัดหรือไม่ ? จุลินทรีย์ย่อยสลายมีมากพอหรือไม่ ? ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการบำบัดทั้งสิ้น ในการบำบัดน้ำเสียให้ของเสียเหลือน้อยมากที่สุดจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักๆหรือหัวใจหลักของการบำบัดน้ำเสียในทุกๆระบบบำบัด นั่นก็คือ จุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียนั่นเอง เพราะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดที่ทำการย่อยสลายของเสียต่างๆในโลกนี้ให้แปรเปลี่ยนสภาพจากของเสีย ( สสาร )จากโมเลกุลใหญ่ไปเป็นโมเลกุลเล็กๆลงเรื่อยๆและย่อยสลายต่อๆไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายกลายไปเป็น น้ำ + พลังงาน + CO2 ตามภาพจำลองด้านบน ในการที่จะทำให้ปฏิกิริยาการย่อยสลายของเสียออกมาสมบูรณ์คือการย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสียได้มากที่สุด ( จนเหลือของเสียน้อยที่สุด ) นั้น ก็ด้วยการทำปฏิกิริยาย่อยสลายแบบซ้ำๆ เพื่อให้การย่อยสลายเกิดขึ้นได้มากที่สุดในแต่ละขั้นตอนของปฏิกิริยาการย่อยสลาย นั่นหมายความว่า ระบบบำบัดในแต่ละขั้นตอนของการย่อยสลายต้องมีประสิทธิภาพสูงมากพอสมควร ในบ่อเติมอากาศแต่ละบ่อต้องมีปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียมากพอที่จะทำการย่อยสลายของเสียได้มากที่สุด รวมไปถึงความแข็งแกร่งของจุลินทรีย์ต้องมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายของเสียได้เป็นอย่างดี ซึ่งขึ้นอยู่การจัดระบบและออกแบบสิ่งแวดล้อมให้กับจุลินทรีย์ในระบบบำบัดนั้นๆต้องเหมาะสมและสิ่งแวดล้อมดี เหมาะกับการดำรงชีพและการเจริญเติบโตขยายตัวได้มาก ( ขยายเซล์ได้มากขึ้น )
ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนใหญ่ในประเทศไทย คือ ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศ AS ( Activated Sludge ) ซึ่งมีมากกว่า 90% เป็นระบบที่เติมออกซิเจนลงไปในน้ำเสีย ( บ่อเติมอากาศ ) โดยใช้เครื่องเติมอากาศ ( Aerator ) เติมออกซิเจนลงไปในบ่อน้ำเสีย เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำเสีย และเพิ่มออกซิเจนในการดำรงชีพของกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก จุลินทรีย์กลุ่มนี้เมื่อได้รับออกซิเจนแล้วจะเจริญเติบโตและขยายตัวทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสีย ( สารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ ) เพื่อให้ของเสียที่อยู่ในรูปของสสารและแร่ธาตุต่างๆกลายไปเป็น -> น้ำ + พลังงาน + CO2 ( คาร์บอนไดออกไซด์ ) ในที่สุดของปฏิกิริยาการย่อยสลาย กรณีที่มีปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายในบ่อเติมอากาศมาก ของเสียต่างๆในน้ำเสียก็จะถูกย่อยสลายได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ในทางตรงกันข้าม ถ้าในบ่อเติมอากาศหรือในบ่อบำบัดมีปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายน้อย ของเสียต่างๆในน้ำเสียก็จะถูกย่อยสลายน้อยตามไปด้วย ดังนั้น ตัวแปรที่สำคัญมากที่สุดในกระบวนการย่อยสลายให้ของเสียเหลือน้อยที่สุดจนกระทั่งวาระสุดท้ายจริงๆไม่เหลืออะไรเลยก็คือ จุลินทรีย์ย่อยสลายนั่นเอง ถ้าออกแบบระบบได้ไม่ดีก็มีผลต่อปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลาย ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพและการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสีย - การออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียเหมาะสมหรือไม่ สิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปในระบบบำบัด - การเติมอากาศได้ทั่วถึงทุกๆจุดของบ่อบำบัดหรือไม่ - อาหารเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ให้เจริญเติบโตและขยายเซลล์มีเพียงพอหรือไม่ - ปริมาณออกซิเจนในน้ำเสียนั้นๆต้องมีปริมาณมากพอที่จุลินทรีย์จะนำไปใช้ในการดำรงชีพและทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสีย - ค่า pH ต้องไม่ต่ำเกินไป และ ไม่สูงจนเกินไป เพราะจะทำให้จุลินทรีย์ตายยกบ่อได้ตลอดเวลา
จุดอ่อนของระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศ ( ระบบ AS )อยู่ตรงจุดใด ? 1. การเติมออกซิเจนไม่ทั่วถึงทั้งบ่อบำบัด อาจจะด้วยเครื่องเติมอากาศมีกำลังวัตต์หรือกำลังแรงม้าต่ำ เติมออกซิเจนได้ไม่เพียงพอกับปริมาตรของน้ำเสีย จึงเติมออกซิเจนได้ไม่กระจายทั่วถึงทั้งบ่อบำบัด ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณของจุลินทรีย์ที่ใช้อากาศโดยตรง 2. เติมออกซิเจนไปไม่ถึงก้นบ่อบำบัด เพราะบ่อบำบัดลึกเกินไป ( บ่อเติมอากาศไม่ควรลึกเกิน 3 เมตร ) ออกซิเจนจะไปไม่ถึงก้นบ่อ ส่งผลเสียให้น้ำเสียและของเสียก้นบ่อไม่ได้รับการบำบัดและย่อยสลายเหมือนที่ผิวบ่อบำบัด 3. ต้องเติมออกซิเจนอย่างต่อเนื่อง ( เดินเครื่องเติมอากาศอย่างต่อเนื่อง ) เพื่อไม่ให้ปริมาณกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนลดปริมาณลง จะส่งผลเสียต่อการย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสียได้น้อยลงตามไปด้วย 4. ไม่สามารถกำหนดปริมาณและความหนาแน่นของกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติกำหนด ถ้าต้องการเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนให้มากขึ้น ต้องเพิ่มจำนวนบ่อบำบัดและเครื่องเติมอากาศ
ระบบบำบัดน้ำเสียแบบ AS เติมอากาศสามารถเพิ่มบ่อเติมอากาศได้มากกว่า 1 บ่อได้ตามความต้องการ ซึ่งก็จะทำให้งบประมาณเพิ่มตามไปด้วย ไม่จำเป็นต้องมีเพียงแค่ 3 บ่อ ( ตามภาพด้านบน ) สามารถเพิ่มบ่อเสริมในแต่ละจุดได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียคือ งบประมาณเพิ่มตาม การควบคุมระบบก็จะยากขึ้นตามไปด้วย แต่ส่วนใหญ่จะสร้างบ่อบำบัดแค่ 3 บ่อ ( ตามภาพบน ) เพราะสะดวกและประหยัดดูแลง่าย แต่ข้อเสียคือ ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งอาจไม่ผ่านในบางครั้ง หรือระบบล้มเหลวได้ง่ายๆ ถ้าการดูแลและบำรุงรักษาไม่ดีพอ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีปัญหาในจุดนี้ จึงส่งผลให้น้ำทิ้งในบ่อสุดท้ายไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานน้ำทิ้ง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องหาตัวช่วยเพื่อมาช่วยเพิ่มการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียเกิดขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการบำบัดน้ำเสียในระบบบำบัดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ภาพบนนี้เป็นการจำลองระบบบำบัดน้ำเสียระบบ AS แบบเติมอากาศ จะเห็นได้ว่า บ่อที่ 3 จะเป็นบ่อตกตะกอนละเอียด ซึ่งเป็นตะกอนส่วนเกิน ( Excess Sludge ) ที่ระบบย่อยสลายหรือบำบัดได้ไม่หมดนั่นเอง ต้องนำไปกำจัดทิ้งหรือไม่ก็ดึงไปบำบัดในขั้นแรกอีกรอบ ปัญหาคือตะกอนส่วนเกินนี้ถ้าสะสมเป็นเวลานานๆในก้นบ่อจะทำให้เกิดการเน่าเสียขึ้นอีกได้ ( ค่า BOD ก็จะสูงตาม ) ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งผ่านเกณฑ์หรือไม่เช็คได้ที่บ่อที่ 3 นี้หรือบ่อสุดท้ายของน้ำทิ้ง บ่อที่ 3 หรือบ่อพักน้ำทิ้งบ่อสุดท้ายก่อนปล่อยน้ำทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อม ระบบบำบัดน้ำเสียแบบ AS เติมอากาศหลายชั้น ( ล่าง ) จากภาพบนนี้เป็นการจำลองระบบบำบัดน้ำเสียแบบ AS เติมอากาศหลายชั้น ( เติมอากาศหลายบ่อ ) ซึ่งจะช่วยเร่งปฏิกิริยาการย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสียได้มากยิ่งขึ้น สสารที่เจือปนอยู่ในน้ำเสียจะถูกย่อยสลายตั้งแต่บ่อเติมอากาศที่ 1 ( บ่อที่ 2 บน ) แล้วไปย่อยสลายอีกชั้นหนึ่งในบ่อเติมอากาศที่ 2 ( บ่อที่ 3 ) ก่อนที่จะไปย่อยสลายอีกต่อหนึ่งที่บ่อเติมอากาศที่ 3 ( บ่อที่ 4 ) แล้วนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วลงในบ่อตกตะกอน ( บ่อที่ 5 ) เมื่อตกตะกอนเสร็จแล้วจะส่งต่อไปยังบ่อที่ 6 ซึ่งเป็นบ่อพักน้ำทิ้งบ่อสุดท้ายก่อนที่จะปล่อยทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อม น้ำทิ้งในบ่อสุดท้ายนี้จะมีตะกอนเหลือน้อย เนื่องจากของเสียและตะกอนส่วนใหญ่จะถูกย่อยสลายให้เหลือลดน้อยลงตั้งแต่บ่อเติมอากาศที่ 1 จนถึงบ่อเติมอากาศที่ 3 ก่อนมาตกตะกอนอีกครั้งในบ่อตกตะกอนที่ 5 น้ำทิ้งในบ่อที่ 6 จึงมีตะกอนส่วนเกิน ( Excess Sludge ) หรือปริมาณตะกอนละเอียดเหลือน้อย เป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียได้ดีอีกขั้น แต่ข้อเสียก็คือ งบลงทุนเพิ่มในครั้งแรกของการสร้างระบบบำบัดและค่าไฟฟ้าจากเครื่องเติมอากาศทั้ง 3 จุดในแต่ละเดือน แต่ถ้าทำได้เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ช่วยให้ระบบบำบัดน้ำเสียมีประสิทธิภาพการบำบัดดีขึ้น ระบบบำบัดจากด้านบนนี้ค่าใช้จ่ายสูงจะทำอย่างไร ? อ่านเนื้อหาจากด้านล่างนี้วิธีแก้ไขปัญหาระบบบำบัดให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
เป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบ AS เติมอากาศ และเพิ่มกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียชนิดไม่ใช้ออกซิเจนเข้าไปเพิ่มในระบบ( จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ) เพื่อให้การย่อยสลายเกิดได้มากขึ้น ย่อยสลายของเสียได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ( เสมือนการเพิ่มบ่อเติมอากาศเข้ามาในระบบบำบัด ) ไม่ว่าน้ำเสียนั้นๆจะมีออกซิเจนหรือไม่มีออกซิเจนเลย จุลินทรีย์หอมคาซาม่าก็สามารถทำหน้าที่ย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียได้ทันที ไม่มีการเข้าไปแย่งออกซิเจนจากกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก ของเสียในน้ำเสียจะถูกย่อยสลายตั้งแต่บ่อที่ 1 ( ตามภาพบน ) ก่อนที่จะส่งไปย่อยสลายต่อยังบ่อเติมอากาศ ( บ่อที่ 2 ) จะเห็นได้ว่า การย่อยสลายของเสียเกิดขึ้นในสองจุดหรือสองบ่อด้วยกัน ( บ่อที่ 1 และบ่อที่ 2 )
ภาพบนการบำบัดน้ำเสียด้วยจุลินทรีย์ย่อยสลาย 2 ชนิด คือ 1. จุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายเป็นหลัก ( Aerobic Bacteria ) 2. จุลินทรีย์หอมคาซาม่า จุลินทรีย์ย่อยสลายที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลาย ( Anaerobic Bacteria ) เป็นการบำบัดน้ำเสียที่เสริมจุดเด่นกัน โดยในบ่อแรกใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน ( จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ) เพื่อทำการย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสียเป็นจุดแรกหรือด่านแรก ซึ่งจะช่วยลดปริมาณของเสียต่างๆในน้ำเสียลง ทั้งค่า BOD , SS , TDS , FOG ก่อนที่จะส่งเข้าบำบัดต่อที่บ่อเติมอากาศ ( ตามภาพบน ) เพื่อทำการย่อยสลายของเสียต่างๆที่ผ่านมาจากบ่อที่ 1 ก่อนจะผ่านไปสู่บ่อตกตะกอนหรือบ่อพักน้ำทิ้ง ( บ่อสุดท้าย ) ตะกอนส่วนเกิน ( Excess Sludge )จะนำไปกำจัดทิ้งหรือนำไปเป็นปุ๋ยพืช และส่วนหนึ่งอาจนำไปบำบัดซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้เหลือของเสียน้อยที่สุด ( ย่อยสลายจนไม่เหลือของเสียหรือเหลือน้อยที่สุด ) ก็สามารถทำได้ ในการที่จะบำบัดน้ำเสียให้ของเสียต่างๆในน้ำเสียเหลือน้อยที่สุดนั้น ปฏิกิริยาการย่อยสลายของเสียต้องเกิดขึ้นมากที่สุด นั่นหมายความว่าปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียต้องมีปริมาณมากพอ ( มากกว่าปริมาณของเสีย ) ปฏิกริยาการย่อยสลายของเสียในน้ำเสียเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายๆชั้น จะส่งผลทำให้ของเสียต่างๆถูกย่อยสลายทำลายเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ( กากตะกอนส่วนเกินเหลือน้อยลง ) จุดสำคัญหรือหัวใจสำคัญในการบำบัดน้ำเสียให้เหลือของเสียในระบบบำบัดน้อยที่สุดจึงอยู่ที่การควบคุมปริมาณของจุลินทรีย์ย่อยสลายให้เกิดปฏิกิริยาการย่อยสลายของเสียให้มากที่สุด เพื่อให้เหลือของเสียน้อยที่สุดนั่นเอง การเติมจุลินทรีย์เพิ่มเข้าไปในระบบจะช่วยเพิ่มปฏิกิริยาการย่อยสลายได้มากขึ้นและเร็วขึ้นกว่าปกติทั่วๆไป จะเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายให้กับระบบบำบัดน้ำเสียได้อย่างไร ? 1. ด้วยการเพิ่มถังเติมอากาศหรือบ่อเติมอากาศในระบบบำบัดให้มากขึ้น ( ตามปริมาณของเสีย ) มากกว่า 1 จุดขึ้นไปตามภาพบน 2. ด้วยการเติมหรือเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายเข้าไปในระบบบำบัดโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมเติมกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลาย ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องสร้างระบบบำบัดขึ้นมาใหม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณ ทำไมต้องเติมอากาศในถังเติมอากาศ ? ไม่เติมอากาศได้ไหม ? วัตถุประสงค์ของการเติมอากาศออกซิเจนลงในน้ำเสียก็เพื่อให้น้ำเสียนั้นๆมีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในน้ำเสียนั้นๆมากขึ้น ( ตามปกติน้ำเน่าเสียจะแทบไม่มีออกซิเจนละลายอยู่เลย ) เพื่อให้สิ่งมีชีวิตนำออกซิเจนไปใช้ในการดำรงชีพและการเจริญเติบโต โดยเฉพาะจุลินทรีย์กลุ่มที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก จุลินทรีย์กลุ่มนี้จะขาดออกซิเจนไม่ได้ การที่จะทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสียได้จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาและการดำรงชีพเจริญเติบโตและการขยายเซลล์ ถ้าปราศจากออกซิเจนละลายอยู่ในน้ำเสียแล้ว การย่อยสลายของเสียก็ไม่เกิดขึ้น ( ยกเว้นมีการนำเอากลุ่มจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนมาย่อยสลายทดแทน ) ดังนั้น การเติมอากาศลงในน้ำเสียจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากและขาดไม่ได้ หรือเติมออกซิเจนได้น้อย เติมอากาศได้ไม่ทั่วถึงกระจายทั่วทั้งบ่อบำบัดก็มีปัญหากระทบต่อระบบบำบัดได้ นี่คือ เหตุผลที่ต้องเติมอากาศลงในน้ำเสียที่จะทำการบำบัดให้เป็นน้ำดีก่อนปล่อยทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อม ศักยภาพในการบำบัดน้ำเสียและย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสียของจุลินทรีย์ย่อยสลาย ของเสียต่างๆที่เจือปนอยู่ในน้ำเสียจะถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ได้มากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณของจุลินทรียย่อยสลายและความแข็งแกร่งของจุลินทรีย์ และต้องมีปริมาณที่มากพอกับการย่อยสลายของเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้น เปรียบเหมือนกับการทำงานของมนุษย์ งานเรื่องเดียวกันปริมาณงานเท่าๆกัน งานแห่งที่หนึ่งใช้กำลังคน 5 คน กับงานแห่งที่สองใช้กำลังคน 100 คน งานใดเสร็จได้รวดเร็วกว่ากัน เช่นเดียวกันกับการทำงานย่อยสลายของกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลาย ของเสียและน้ำเสียมีมาก แต่ปริมาณจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายมีน้อย ซึ่งไม่สมดุลกัน ประสิทธิภาพการย่อยสลายก็จะช้าลงและย่อยสลายของเสียต่างๆได้น้อยตามไปด้วย ส่งผลให้ตะกอนส่วนเกินเหลือเป็นจำนวนมาก ทำให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งต่างๆไม่ผ่านเกณฑ์กำหนด
ภาพบนตัวอย่างการบำบัดน้ำเสียด้วยจุลินทรีย์หอมคาซาม่าไม่ใช้ออกซิเจน ( Anaerobic Bacteria ) จำเป็นอย่างไรจึงต้องใช้จุลินทรีย์หอมคาซาม่าในบ่อบำบัดน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียของท่าน ? ถ้าระบบบำบัดน้ำเสียและบ่อบำบัดน้ำเสียของท่านมีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดีได้สมบูรณ์แบบก็คงไม่มีความจำเป็นแต่ประการใด เรารู้ปัญหาในระบบบำบัดน้ำเสียจากประสบการณ์ที่สัมผัสกับลูกค้าจำนวนมากมาโดยตลอดเกือบ 20 ปี และช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าประสบความสำเร็จมาจำนวนมาก โดยที่เราไม่ได้คิดค่าที่ปรึกษาใดๆทั้งสิ้น ลูกค้าที่สั่งซื้อจุลินทรีย์ไปจากเราจะได้รับคำแนะนำและคำปรึกษาฟรีโดยตลอด ระบบบำบัดน้ำเสียค่อนข้างต้องใช้ทั้งความรู้และความเชี่ยวชาญพอสมควร ต้องเข้าใจระบบแต่ละระบบอย่างดีพอ รวมทั้งวิธีการแก้ไขปัญหาของระบบต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาบูรณาการกัน เราไม่ได้จำหน่ายเพียงแค่จุลินทรีย์เท่านั้น แต่เราช่วยลูกค้าของเราด้วยในการแก้ไขปัญหาโดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าที่ปรึกษาให้สิ้นเปลือง ซึ่งเป็นจุดที่ลูกค้าของเราถูกใจมากที่สุด ลูกค้าจะได้คำแนะนำและคำปรึกษาต่างๆที่มีค่ามากกว่าสินค้าที่ซื้อไปจากเรา ซึ่งเป็นนโยบายของทางร้านฯ ที่ต้องการให้ข้อแนะนำต่างๆกับลูกค้าได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราขายความจริงและนำเสนอความจริงที่ลูกค้าควรรับทราบ ถ้าระบบบำบัดน้ำเสียของลูกค้าสมบูรณ์อยู่แล้ว เราจะไม่จำหน่ายสินค้าให้ เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ เราจะพิจารณาปัญหาและความเหมาะสมและอีกหลายอย่างมาประกอบกัน เราต้องการเติมเต็มและแก้ปัญหาจุดด้อยให้กับลูกค้า เราจะวิเคราะห์ให้กับลูกค้าก่อนว่าสมควรซื้อหรือไม่ซื้อจุลินทรีย์จากเรา จะไม่มีการยัดเยียดอย่างเด็ดขาด และไม่มีการให้ข้อมูลแบบผิดๆกับลูกค้า เพื่อจูงใจให้ลูกค้าซื้อจุลินทรีย์จากเรา ซึ่งสังเกตได้จากที่เราจะเน้นให้ข้อมูลและความรู้ในเรื่องของการบำบัดน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียกับลูกค้าให้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจในภายหลัง นี่คือจุดประสงค์ของเราที่ต้องการช่วยเหลือลูกค้าในการแก้ไขปัญหาของลูกค้า ข้อมูลของร้านฯค่อนข้างมากเป็นพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าศึกษาและทำความเข้าใจในด้านต่างๆอย่างละเอียด ปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายในระบบบำบัดน้ำเสียหรือในบ่อบำบัดน้ำเสียลดลงหรือมีปริมาณน้อยดูได้จากจุดใด ? 1. น้ำเน่าเสียมากขึ้น 2. กลิ่นเน่าเหม็นมากขึ้นและแรงขึ้นเรื่อยๆ 3. ค่า BOD จะสูงขึ้นเรื่อยๆ
เราคือผู้ผลิตและจำหน่ายจุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย ในนามแบรนด์ จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม kasama ) ซึ่งเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพและมีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียชนิดไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลาย ( Anaerobic Bacteria ) ทำงานได้ดีทั้งในสภาวะไร้อากาศและมีอากาศ ไม่ดึงออกซิเจนที่ละลายอยู่ใน ( น้ำเสีย ) มาใช้งานและการดำรงชีพ จึงทำให้ค่าออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำเสียนั้นๆไม่ลดลง ( ค่า DO ) จึงเหมาะสำหรับเป็นจุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย จุลินทรีย์เติมบ่อบำบัดน้ำเสีย จุลินทรีย์ดับกลิ่นเหม็นบ่อบำบัดน้ำเสีย จุลินทรีย์เติมบ่อเกรอะ จุลินทรีย์ดับกลิ่นบ่อเกรอะเหม็น จุลินทรีย์ดับกลิ่นห้องน้ำเหม็น เป็นจุลินทรีย์จากธรรมชาติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง จุลินทรีย์หอมคาซาม่ามีกลิ่นหอม ซึ่งไม่เหมือนกลิ่นจุลินทรีย์อีเอ็มทั่วๆไปที่จำหน่ายในท้องตลาดที่มีกลิ่นฉุนเปรี้ยว ดังนั้นจึงได้ประโยชน์ทั้งการบำบัดน้ำเสียได้ดี และ การดับกลิ่นหรือกำจัดกลิ่นเหม็นในบ่อบำบัดน้ำเสียได้ดี กลิ่นหอมทันทีที่เริ่มใช้ในบ่อบำบัดน้ำเสียของท่าน ซึ่งลูกค้าของทางร้านทั้งหมดทั่วประเทศจะชอบใจในจุดนี้เป็นอย่างมาก อธิบายกระบวนการบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศ AS + จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( ภาพบน ) จากภาพบนเป็นการบำบัดน้ำเสียระบบ AS เติมอากาศ ( จุลินทรีย์ย่อยสลายชนิดใช้ออกซิเจน ) + จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( ไม่ใช้ออกซิเจนในการย่อยสลาย ) จะเห็นได้ว่าถ้าเป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบ AS เดิมในบ่อที่ 1 จะเป็นบ่อรับน้ำเสียและตกตะกอนเบื้องต้นธรรมดาเท่านั้น ( การย่อยสลายเกิดขึ้นน้อยมากในบ่อนี้ ) ก่อนที่จะผ่านเข้าไปบ่อเติมอากาศบ่อที่ 2 ซึ่งเป็นบ่อที่ทำการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียได้มากที่สุดในระบบนี้ ( บ่อย่อยสลายของเสียโดยใช้จุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) และส่งต่อไปยังบ่อพักน้ำทิ้งที่บำบัดแล้วในบ่อที่ 3 ( ตามภาพบน ) การบำบัดน้ำเสียและย่อยสลายของเสียส่วนใหญ่ในระบบ AS นี้จะเกิดขึ้นในจุดเดียวคือ บ่อเติมอากาศ ( มีจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) ซึ่งมีกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนเป็นตัวทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียต่างๆและบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดี แต่เมื่อเติมจุลินทรีย์หอมคาซาม่าเข้าไปเพิ่มเติม ( ในบ่อที่ 1 ) จะเกิดการย่อยสลายในบ่อที่ 1 หรือบ่อแรกเพิ่มขึ้นทันทีอีกจุดหนึ่ง ( เหมือนบ่อเติมอากาศ ) กลุ่มจุลินทรีย์หอมคาซาม่าเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย ดังนั้น ออกซิเจนจึงไม่มีความจำเป็นสำหรับจุลินทรีย์หอมคาซาม่า สามารถทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียในน้ำเสียนั้นๆได้ทันที จะเห็นได้ว่าการย่อยสลายของเสียเกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 2 จุดหรือ 2 บ่อ ( บ่อที่ 1 และ บ่อเติมอากาศ ) ซึ่งเป็นการบำบัดน้ำเสียแบบดับเบิ้ล คือ บ่อที่ 1 จุลินทรีย์หอมคาซาม่าเป็นตัวบำบัด ( ย่อยสลายของเสียต่างๆ )เป็นด่านแรกก่อนที่จะส่งต่อไปบำบัดอีกชั้นหนึ่งที่บ่อเติมอากาศ ( มีจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนย่อยสลาย ) จึงส่งผลให้ประสิทธิภาพการย่อยสลายของเสียและการบำบัดน้ำเสียทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ค่าพารามิเตอร์ต่างๆจะลดลงตั้งแต่การย่อยสลายหรือการบำบัดในบ่อแรกแล้ว การบำบัดและย่อยสลายของเสียต่างๆซ้ำในบ่อเติมอากาศ ( โดยจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) ยิ่งจะทำให้ค่าพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น BOD , SS , TDS , FOG , TKN ลดลงมากยิ่งขึ้นไปอีก ตะกอนต่างๆก็จะลดลงเหลือน้อยมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นเพราะประสิทธิภาพการบำบัดสองชั้นดังกล่าว ( บำบัดด้วยจุลินทรีย์หอมคาซาม่าในบ่อแรกและบำบัดด้วยจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนในบ่อเติมอากาศ) จึงส่งผลให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งดีขึ้นกว่าปกติที่เคยเป็น ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งผ่านเกณฑ์ได้ง่ายขึ้นเป็นเพราะผลของการบำบัดหรือการย่อยสลายของเสีย 2 ชั้น ปฏิกิริยาการย่อยสลายก็จะรวดเร็วขึ้นกว่าปกติ ของเสียต่างๆในน้ำเสียจึงไม่เป็นภาระหนักให้กับบ่อเติมอากาศเพียงจุดเดียวอีกต่อไป ( ไม่เป็นภาระหนักให้กับจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) ที่อาจย่อยสลายของเสียได้ไม่หมดหรือย่อยสลายได้เพียงบางส่วนเล็กน้อย จึงส่งผลให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งไม่ผ่านเกณฑ์ในบ่อสุดท้ายบ่อยๆได้ สรุป จุลินทรีย์หอมคาซาม่าไปเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียในระบบ AS และยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียให้กับกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนในบ่อเติมอากาศอีกชั้นหนึ่ง การย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ ส่งผลให้ระบบบำบัดน้ำเสียสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เป็นการบำบัดน้ำเสียโดยการใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มจุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( ไม่ใช้ออกซิเจน ) และกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก ทำให้สสารที่เจือปนอยูในน้ำเสียถูกย่อยสลายได้มากขึ้นและเร็วขึ้นกว่าปกติทั่วๆไป หมายเหตุ : จุลินทรีย์หอมคาซาม่า สามารถใช้ได้กับระบบบำบัดน้ำเสียได้ทุกๆระบบ ( ในทั้งหมด 6 ระบบ ) นอกจากบำบัดน้ำเสียได้ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติเด่นๆในเรื่องของการกำจัดกลิ่นหรือดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆเพิ่มอีกด้วย จุลินทรีย์คาซาม่าเป็นการรวมกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพและมีประโดยชน์หลายๆด้าน โดยเฉพาะการบำบัดน้ำเสียและการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ จุลินทรีย์หอมคาซาม่าสามารถใช้กับระบบบำบัดน้ำเสียได้ทุกๆระบบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบบำบัดน้ำเสียให้ดียิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์เข้าไปในระบบเพื่อย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะลำพังกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้อากาศออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียอาจไม่เพียงพอ เหตุเพราะปริมาณน้ำเสียและของเสียในน้ำเสียมีปริมาณมากกว่ากลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนจะทำการย่อยสลายและบำบัดน้ำเสียได้ทั้งหมด ทางออกในการแก้ไขปัญหานี้จึงต้องพึ่งพาอาศัยกลุ่มจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยา ( ย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย ) นั่นก็คือกลุ่มจุลิทรีย์อีเอ็มนั่นเอง ซึ่งมีความสามารถและทำหน้าที่คล้ายๆกันกับกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนที่มีอยู่ในธรรมชาติ ในสภาวะที่มีปัญหาน้ำเสียวิกฤตหนักๆ ในน้ำเสียมีจุลินทรีย์น้อยหรือแทบไม่มีเลย ( เพราะออกซิเจนในน้ำเสียมีน้อยหรือแทบไม่มีออกซิเจน ) กลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนจำเป็นต้องอาศัยอากาศออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำเสียในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย ถ้าไม่มีออกซิเจนละลายอยู่ในน้ำเสียนั้นๆ กลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนก็จะไม่มีในน้ำเสียหรือมีแต่มีปริมาณน้อยมากๆ จึงทำให้น้ำยิ่งเน่าเสียมากยิ่งขึ้น ในระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบ วัตถุประสงค์ทุกๆระบบเหมือนกันคือต้องการดึงกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนมาทำการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียในระบบ ดังนั้น จึงต้องมีการเติมอากาศออกซิเจนเข้าไปในระบบให้เพียงพอ แต่ส่วนใหญ่ในระบบจะได้อากาศออกซิเจนเติมเข้าไปในระบบน้ำเสียในปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อการเพิ่มปริมาณกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนในน้ำเสีย จึงส่งผลทำให้ระบบบำบัดน้ำเสียนั้นๆยังด้อยประสิทธิภาพอยู่ กลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียมีน้อยกว่าปริมาณของเสียและน้ำเสียที่เกิดขึ้นจริง ทางออกจึงมาลงตัวที่กลุ่มจุลินทรีย์อีเอ็ม ( ที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลานของเสียและบำบัดน้ำเสีย ) เป็นกลุ่มจุลินทรีย์แอนแอร์โรบิคที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย ( ทำหน้าที่ได้เหมือนกันกับกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ) สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้ตามความต้องการ ความหนาแน่นของปริมาณจุลินทรีย์มีมากกว่า สามารถทำปฏิกิริยาบำบัดน้ำเสียย่อยสลายของเสียในน้ำเสียได้ทันที เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบบำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดปริมาณน้ำเสียและของเสียในระบบบำบัดน้ำเสียในทุกๆระบบ โดยเฉพาะระบบบำบัดน้ำเสียแบบง่ายๆชนิดเติมอากาศ ส่วนใหญ่จะมีปริมาณจุลินทรีย์ในระบบมีปริมาณน้อย จุลินทรีย์หอมคาซาม่าจัดทำขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้น เราสังเคราะห์ขึ้นมาจากหัวเชื้อของจุลินทรีย์แบบไม่ใช้อากาศต้นฉบับโดยตรง เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลายด้าน มีประสิทธิภาพในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย รวมไปถึงการดับกลิ่นหรือกำจัดกลิ่นเน่าเหม็นจากสารอินทรีย์ สามารถทำงานร่วมกันกับจุลินทรีย์ชนิดใช้ออกซิเจนได้เป็นอย่างดี ทำหน้าที่คล้ายๆกัน ดังนั้น จึงสามารถนำมาใช้ทดแทนกันได้ ในสภาวะที่ในน้ำเสียไร้ออกซิเจนละลายอยู่ในน้ำเสียนั้น จุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนไม่สามารถทำงานย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียได้ ดังนั้น จึงต้องหันไปเพิ่งกลุ่มจุลินทรีย์อีเอ็มที่ไม่ใช้ออกซิเจนในน้ำเสียในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสีย นี่คือทางออกในการแก้ไขปัญหาในน้ำเสียไม่มีออกซิเจนละลายอยู่ ( ค่า DO ต่ำหรือแทบเป็น 0 ) จุลินทรีย์อีเอ็มสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้ง่ายกว่าจุลินทรีย์ชนิดที่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยา ต้นทุนต่ำกว่าและง่ายกว่า ดังนั้น จึงเป็นทางเลือกในการ RUN & REBOOT ระบบบำบัดน้ำเสียของท่าน ไม่ว่าระบบจะเล็กหรือขนาดใหญ่ สามารถทำได้ทั้งนั้นในทุกๆระบบ เป็นผลดีต่อระบบโดยตรง กรณีที่ระบบบำบัดน้ำเสียชนิด AS หรือ RBC ล่มหรือเสียรอซ่อม ก็สามารถนำจุลินทรีย์หอมคาซาม่าไปทดแทนได้ระหว่างรอซ่อมและ RUN ระบบอีกครั้ง โดยไม่ต้องรอให้ซ่อมแล้วเสร็จก่อน เพราะของเสียและน้ำเสียเกิดขึ้นในทุกๆวัน น้ำเสียที่เกิดขึ้นไม่สามารถรอระบบให้เสร็จก่อนได้ ต้องทำการบำบัดทันทีก่อนที่จะปล่อยทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อมต่อไป จุลินทรีย์หอมคาซาม่าสามารถใช้ได้ดีกับระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบ จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม kasama ) เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายของเสียและบำบัดน้ำเสียชนิดไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยา สังเคราะห์ขึ้นจากหัวเชื้อของจุลินทรีย์ต้นฉบับโดยตรง ไม่ใช่หมักจากเปลือกผลไม้ เป็นจุลินทรีย์ที่เข้มข้นและมีความหนาแน่นของจุลินทรีย์สูง สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลายอย่างด้วยกัน ทั้งการบำบัดน้ำเสียและกำจัดกลิ่น รวมถึงประยุกต์เป็นปุ๋ยในทางการเกษตรก็สามารถทำได้ เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ดึงออกซิเจนในน้ำมาใช้ในการทำปฏิกิริยาย่อยสลาย แต่ช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำจากการสังเคราะห์แสง คุณสมบัติของจุลินทรีย์คาซาม่า - ใช้บำบัดน้ำเสีย ย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสีย - ย่อยสลายสารอินทรีย์วัตถุให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลง - ย่อยสลาย Fat, Greas & Oil ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ - ดับกลิ่นหรือกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ กลิ่นเน่าเหม็นจากสารอินทรีย์ทุกชนิด จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย ราคา จุลินทรีย์หอมบำบัดน้ำเสีย ราคา ราคาจำหน่ายจุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม-Kasama ) แกลลอนขนาด 20 ลิตร ( มีขนาดเดียว ) ราคาแกลลอนละ 1,200 บาท จัดส่งทั่วประเทศฟรีๆ มีปัญหาค่ามาตรฐานน้ำทิ้งไม่ผ่านเกณฑ์ จุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียในบ่อบำบัดน้ำเสียมีปริมาณน้อย บ่อบำบัดน้ำเสียส่งกลิ่นเหม็น ค่า BOD สูงมาก บ่อดักไขมันส่งกลิ่นเหม็นรบกวน บ่อเกรอะส่งกลิ่นเหม็นรบกวน น้ำเน่าเหม็นน้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นรบกวน บ่อบำบัดน้ำเสียส่งกลิ่นเหม็นรบกวนใจ ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็น ใช้จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ( จุลินทรีย์หอม-kasama ) เปลี่ยนกลิ่นเหม็นให้เป็นกลิ่นหอมได้รวดเร็วทันใจ
จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย/การบำบัดน้ำเสียในคอนโดมิเนียมทุกๆแห่ง กดดูที่นี่.. จุลินทรีย์เติมบ่อบำบัดน้ำเสีย/จุลินทรีย์ใส่บ่อบำบัดน้ำเสีย คลิกดูที่นี่... ปัญหาบ่อเติมอากาศส่งกลิ่นเหม็นเกิดจากสาเหตุใด ? คลิกดูที่นี่.. เทคนิคการลดค่า BOD สูงในน้ำเสียทุกๆแห่ง คลิกดูที่นี่.. การบำบัดน้ำเสียและบำบัดกลิ่นในโรงงานไอศครีมทุกๆแห่ง คลิกที่นี่... การแก้ปัญหาน้ำเสียและกลิ่นในโรงงานปลาหมึกทุกๆแห่ง คลิกที่นี่.. การแก้ปัญหาน้ำเสียและกลิ่นในโรงงานขนมจีนทุกๆแห่ง คลิกที่นี่... การเช็คค่า BOD , pH , DO ของระบบบำบัดน้ำเสีย คลิกดูที่นี่... วิธีการลดค่า BOD , SS , TDS ในโรงงานปลากระป๋อง คลิกที่นี่.. จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย/จุลินทรีย์หอมบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบ คลิกที่นี่..
จุลินทรีย์หอมคาซาม่ากับการดับกลิ่นบำบัดกลิ่น ดูหัวข้อที่สนใจ กดดูที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ จุลินทรีย์ดับกลิ่นส้วม/ดับกลิ่นส้วมเหม็น คลิกดูที่นี่.. จุลินทรีย์ดับกลิ่นห้องน้ำ คลิกดูที่นี่.. วิธีดับกลิ่นห้องน้ำเหม็น/วิธีแก้ห้องน้ำมีกลิ่น คลิกดูที่นี่... จุลินทรีย์ดับกลิ่นบ่อเกรอะเหม็น/ดับกลิ่นบ่อส้วมเหม็น คลิกที่นี่.. ปัญหากลิ่นในห้องน้ำมาจากอะไร ? คลิกดูที่นี่.. จุลินทรีย์ดับกลิ่น คลิกดูที่นี่... จุลินทรีย์หอมดับกลิ่น / จุลินทรีย์หอมบำบัดกลิ่น คลิกที่นี่.. จุลินทรีย์ดับกลิ่นคาวปลา ดับกลิ่นคาวเลือด คลิกที่นี่.. จุลินทรีย์ดับกลิ่นฟาร์มเลี้ยงหมู คลิกที่นี่... จุลินทรีย์ดับกลิ่นห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน คลิกดูข้อมูลที่นี่.. จุลินทรีย์ดับกลิ่นเหม็นทุกๆชนิด คลิกดูที่นี่.. จุลินทรีย์บ่อเกรอะ/จุลินทรีย์ใส่บ่อเกรอะ คลิกดูที่นี่.. การใช้จุลินทรีย์หอมคาซาม่าในบ่อเกรอะ(บ่อส้วม) คลิกดูที่นี่... จุลินทรีย์ดับกลิ่นเหม็นทุกๆชนิด คลิกที่นี่..
|