การบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียและบ่อบำบัดน้ำเสีย
ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งจากระบบบำบัดน้ำเสียจะผ่านเกณฑ์หรือไม่ผ่านเกณฑ์ ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของผู้ดูแลระบบบำบัดเป็นหลัก ถ้าดูแลและบริหารจัดการได้ดี การบำบัดน้ำเสียก็จะมีประสิทธิภาพ วิธีการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย & บ่อบำบัดน้ำเสียอย่างมืออาชีพ ในการบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดีนั้น ต้องมีกระบวนการบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพดี จึงจะทำการบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดีได้ กระบวนการบำบัดน้ำเสียต้องสร้างเป็นระบบบำบัดขึ้นมา จึงเรียกกันว่า ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบบำบัดน้ำเสียโดยทั่วๆไปมีทั้งหมด 6 ระบบ แต่ระบบบำบัดน้ำเสียที่นิยมทำกันมากที่สุดคือ ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศ ( Activated Sludge : AS ) ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศจะประกอบไปด้วยส่วนที่สำคัญอยู่ 2 ส่วน คือ บ่อเติมอากาศหรือถังเติมอากาศ และบ่อตกตะกอนหรือถังตกตะกอน ( ตามภาพด้านล่าง ) ในการบำบัดน้ำเสียจะมีทั้งการบำบัดทางกายภาพหรือที่เรียกกันว่า การบำบัดน้ำเสียขั้นต้น โดยการแยกของเสียต่างๆที่เจือปนอยู่ในน้ำเสียออกให้มากที่สุด อาจจะด้วยการตกตะกอน การกรองหยาบ กรองละเอียดของเสียต่างๆในบ่อรับน้ำเสียรวม ( บ่อที่ 1 ภาพล่าง ) นำออกจากระบบไปกำจัดทิ้ง กรณีที่มีสารเคมีปนเปื้อนหรือเจือปนอยู่ในน้ำเสียในปริมาณมาก อาจต้องมีการเพิ่มการบำบัดด้วยเคมีอีกชั้นหนึ่ง ก่อนที่จะนำเข้าบำบัดต่อไปที่บ่อเติมอากาศ นี่คือ กระบวนการบำบัดน้ำเสียแบบภาพรวมที่ผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียควรรู้ในเบื้องต้น เพื่อให้การบริหารจัดการระบบบำบัดได้ต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจในระบบบำบัดที่ควบคุมและดูแลอยู่เป็นอย่างดี ตัวอย่างระบบบำบัดน้ำเสียของคอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงานทั่วๆไป
ระบบบำบัดน้ำเสียของอาคารชุดและอาคารสำนักงานส่วนใหญ่จะเป็นดั่งภาพจำลองด้านบนนี้ อธิบายและขยายความจากภาพจำลองการบำบัดน้ำเสียด้านบนได้ดังต่อไปนี้ .- น้ำเสียโดยรวมทั้งหมดเข้าระบบ ( บ่อรับน้ำเสียบ่อที่ 1 ) ตามหลักการจะมีการตกตะกอนในขั้นต้นในบ่อนี้ เพื่อนำของเสียที่เจือปนอยู่ในน้ำเสียออกให้ได้มากที่สุด จะด้วยวิธีการตกตะกอน การกรองหยาบ การกรองละเอียด โดยการใช้ฟิลเตอร์กรองในบ่อที่ 1 ซึ่งจะช่วยลดภาระหนักในการย่อยสลายของกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนในบ่อเติมอากาศ ( บ่อที่ 2 ) อีกทั้งช่วยลดค่า BOD, SS , TDS และ FOG ได้ส่วนหนึ่ง นำของเสียที่ตกตะกอนและที่กรองได้ไปกำจัดทิ้ง กระบวนการย่อยสลายของเสียของจุลินทรีย์ย่อยสลายในบ่อที่ 1 จะเกิดขึ้นน้อย เพราะในบ่อนี้มีปริมาณของจุลินทรีย์ย่อยสลายน้อย ( เพราะไม่มีการเติมอากาศ ) การบำบัดน้ำเสียในบ่อที่ 1 เป็นการบำบัดน้ำเสียขั้นต้น หลังจากนั้นน้ำเสียก็จะผ่านเข้าไปบำบัดต่ำที่บ่อเติมอากาศบ่อที่ 2 ( ตามภาพบน ) ในบ่อที่ 2 นี้จะมีปริมาณกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนมีปริมาณมาก เพราะมีการเพิ่มหรือเติมออกซิเจนลงไปในน้ำเสีย เพื่อให้จุลินทรีย์ย่อยสลายกลุ่มที่ใช้ออกซิเจนได้ใช้งาน ทั้งในการดำรงชีพและการทำปฏิกิริยา ในบ่อเติมอากาศนี้จะขาดออกซิเจนหรือมีออกซิเจนน้อยก็ไม่ได้ จะมีผลกระทบต่อกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนทันที ในบ่อที่ 2 เติมอากาศนี้ต้องมีทั้ง อาหารและออกซิเจนเพียงพอกับความต้องการของกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจน ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่ได้ อาหารของจุลินทรีย์ย่อยสลายก็คือ ของเสียที่เป็นสารอินทรีย์เจือปนอยู่ในน้ำเสียต้องมีปริมาณเพียงพอ ( ค่า SV 30 อยู่ที่ 200-300 ml. )รวมถึงอาหารเสริมจำพวก N , P และออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า 2 มิลลิกรัมขึ้นไป ( ค่า DO >= 2 mg/l ) ด้านสิ่งแวดล้อมในน้ำเสีย ค่า pH ความเป็นกรด-ด่างอยู่ระหว่าง 5 - 9 ต้องไม่ต่ำและไม่สูงเกินนี้ จุลินทรีย์กลุ่มนี้จึงจะอยู่ได้ กรณีที่ค่า pH ต่ำมากๆหรือสูงมากๆจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนกลุ่มนี้ทันที อาจทำให้ตายยกบ่อได้ตลอดเวลา ดังนั้น จึงต้องมีการควบคุมและตรวจสอบค่า pH อยู่เป็นประจำ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจน ในการควบคุมค่า pH ควรควบคุมมาตั้งแต่บ่อแรกรวมรับน้ำเสียบ่อที่ 1 จนถึงบ่อเติมอากาศบ่อที่ 2 การย่อยสลายของเสียต่างๆที่เจือปนอยู่ในน้ำเสียจะเกิดขึ้นมากที่สุดในบ่อเติมอากาศนี้ เหตุเพราะมีปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนมีปริมาณมาก แต่ปริมาณของจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนจะมีมากหรือมีน้อยนั้นยังขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้คือ อาหารเพียงพอ ออกซิเจนเพียงพอ การเติมออกซิเจนกระจายได้ทั่วถึงทั้งบ่อบำบัด สิ่งแวดล้อมเหมาะสมในการเจริญเติบโตและการดำรงชีพ กรณีที่มีปัญหาเพียงปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งตามที่กล่าวมาก็จะส่งผลกระทบต่อปริมาณของจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนทันที ในระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศนี้ปัญหาทางด้านเทคนิคมักจะเกิดขึ้นเป็นประจำและบ่อย ดังนั้น ต้องควบคุมและดูแลระบบให้ดีอย่างสม่ำเสมอจึงจะไม่เกิดปัญหาขึ้นกับระบบ หลังจากบำบัดน้ำเสียในบ่อเติมอากาศแล้ว น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจะนำไปตกตะกอนส่วนเกินในบ่อที่ 3 หรือบ่อตกตะกอน เพื่อนำเอาตะกอนส่วนเกินออกจากระบบ ( Excess Sludge ) จะมีตะกอนละเอียดที่ผ่านมาจากการบำบัดในบ่อเติมอากาศเข้ามาในบ่อตกตะกอนหรือบ่อน้ำทิ้ง จะต้องนำตะกอนส่วนเกินนี้ไปกำจัดทิ้งฝังกลบดินหรือทำเป็นปุ๋ย ซึ่งจะมี N และ P สูงเหมาะนำไปทำปุ๋ยพืชผัก และอีกส่วนหนึ่งของตะกอนส่วนเกินนี้อาจนำไปบำบัดซ้ำเป็นอาหารของจุลินทรีย์ย่อยสลายในบ่อเติมอากาศ กรณีที่อาหารของจุลินทรีย์ในบ่อเติมอากาศไม่เพียงพอ ( ตามภาพบน )จะเห็นได้ว่าเพียงแค่เริ่มต้นการบำบัดน้ำเสียของระบบบำบัดน้ำเสียยังมีความสลับซับซ้อนของระบบบำบัดมากขนาดนี้ ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งจะวัดและตรวจสอบที่บ่อพักน้ำทิ้ง ( บ่อตกตะกอนบ่อสุดท้าย ) ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งผ่านเกณฑ์ทุกๆค่าก็หมายความว่า ระบบบำบัดน้ำเสียมีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียได้ดี แต่ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์เพียงค่าใดค่าหนึ่งหรือหลายๆค่า ก็ถือว่ายังไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานน้ำทิ้งที่กำนหดไว้ ต้องทำการปรับปรุงระบบ จากภาพจำลองการบำบัดน้ำเสียด้านบนของคอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงานทั่วๆไปจะมีบ่อเกรอะเข้ามาแจมในการบำบัดน้ำเสียของระบบบำบัด ในหลักการที่ถูกต้องแล้ว ต้องแยกน้ำเสียจากบ่อเกรอะไปบำบัดในขั้นต้นก่อนที่จะนำไปรวมกับน้ำเสียของระบบรวม เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาต่อระบบบำบัด ซึ่งทำให้ระบบบำบัดล้มเหลวได้ง่ายๆ ค่า BOD , SS , TDS พุ่งสูงมากกว่าปกติ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากบ่อเกรอะที่ต่อตรงเข้ากับบ่อรับน้ำเสียรวมของระบบบำบัด แต่ในความเป็นจริงที่พบมาก็คือ การต่อน้ำเสียจากบ่อเกรอะเข้าโดยตรงกับบ่อรับน้ำเสียรวม โดยที่ไม่มีการแยกกาก ตะกอน ตะกรันในบ่อเกรอะออกจากระบบก่อน นี้คือจุดที่สร้างปัญหาให้กับระบบบำบัดน้ำเสียมากที่สุด ระบบบำบัดน้ำเสียที่มีปัญหาจะมาจากการรวมน้ำเสียกากตะกอน ฯลฯ จากบ่อเกรอะ แต่ในเมื่อติดตั้งแล้วและแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้คือ การติดตั้งอุปกรณ์กรองกากและตะกรันที่ไปจากบ่อเกรอะ ให้กรองได้มากที่สุดแล้วนำไปกำจัดทิ้งไม่ให้สิ่งปฏิกูลกากและตะกรันเหล่านี้เข้าไปรวมในบ่อรับน้ำเสียรวมบ่อที่ 1 ซึ่งจะช่วยลดทั้งค่า BOD , SS, TDS ได้อย่างมาก ระบบบำบัดก็จะไม่ทำงานหนักจนเกินไป ไม่เป็นภาระหนักสำหรับการย่อยสลายของจุลินทรีย์ในบ่อเติมอากาศ การบำรุงและดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย ในการบำรุงและดูแลระบบบำบัดน้ำเสียนั้น ต้องปฏิบัติหรือทำเป็นงานหลักหรืองานประจำ เพราะต้องดูแลระบบทุกๆส่วนเป็นประจำ เหมือนกับการควบคุมระบบให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ต้องทำหรือปฏิบัติอย่างไรบ้าง ? 1. สร้างตารางแผนงานดูแลระบบขึ้นมา เป็นแผนงานดูแลและบำรุงรักษาระบบรายวัน รายเดือน และรายปี 2. ตรวจเช็คค่าต่างๆ ( ค่าพารามิเตอร์ที่จำเป็น ) ในแต่ละบ่อ เช่น การเช็คค่า pH รายวันในทุกๆบ่อบำบัด เช็คค่า BOD ค่า DO เพื่อทำให้เราทราบว่าค่า BOD สูงจะแก้ไขอย่างไร หรือ ค่า DO ต่ำมากจะแก้ไขอย่างไร เป็นต้น ตรวจสอบเครื่องเติมอากาศอยู่เป็นประจำ การเติมอากาศในบ่อเติมอากาศกระจายได้ทั่วถึงทั้งบ่อหรือไม่ กำลังเครื่องเติมอากาศเพียงพอกับปริมาตรของน้ำเสียหรือไม่ ฯลฯ 3. ลงบันทึกข้อมูลต่างๆที่ตรวจสอบได้ในสมุดบันทึกรายวัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามและวิเคราะห์ระบบ จะทำให้รู้ปัญหาและวิธีแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น การตรวจสอบของทางราชการก็จะทำได้ง่ายขึ้น เป็นที่น่าเชื่อถือในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียได้ดี 4. ทำการรีบูทระบบบำบัด ( Reboot ) อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อทำความสะอาดระบบไม่ให้มีตะกอนตกค้างมากจนเกินไป 5. นำตัวอย่างน้ำทิ้งไปตรวจเช็คในห้องแล็ปและออกรายงานผลรับรองทุกๆปี ปีละครั้ง สำหรับรายละเอียดมากกว่านี้ให้ดูข้อมูลที่ลิ้งค์ด้านล่างสุด ในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียจากแต่ละแหล่งจะใกล้เคียงกัน ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศสามารถเพิ่มเติมหรือเสริมบ่อบำบัดเพิ่มขึ้นมาได้ไม่จำกัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดให้ดียิ่งขึ้น การบำบัดน้ำเสียแบบหลายขั้นตอนหรือหลายๆชั้นมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียได้ดี จะช่วยลดสลัดจ์ได้มาก เพราะในแต่ละบ่อจะมีการตกตะกอนละเอียดเป็นลำดับชั้นไปเรื่อยๆจนถึงบ่อสุดท้าย ซึ่งเป็นบ่อพักน้ำทิ้ง น้ำก็จะใสสะอาดตะกอนไม่ค่อยมีให้เห็นดังตัวอย่างระบบบำบัดน้ำเสียด้านล่างนี้
ภาพจำลองด้านบนเป้นกระบวนการบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศหลายชั้น การบำบัดน้ำเสียจะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าปกติทั่วๆไป เหลือเศษตะกอนส่วนเกินน้อย แต่การลงทุนจะสูงกว่าปกติทั่วไป จุลินทรีย์หอมคาซาม่า จุลินทรีย์หอมบำบัดน้ำเสียได้ทุกๆระบบบำบัด ชนิดไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของเสีย ได้ประโยชน์ทั้งการบำบัดน้ำเสียและการดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆในบ่อบำบัดน้ำเสีย เพิ่มประสิทธิภาพและเสริมประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียด้วยจุลินทรีย์หอมคาซาม่า เนื่องจากจุลินทรีย์หอมคาซาม่ามีคุณสมบัติในการบำบัดน้ำเสียและย่อยสลายของเสียเหมือนกับกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจนเป็นหลัก ระบบบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบออกแบบมาเพื่อต้องการดึงกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายเข้าระบบให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสียในบ่อบำบัดที่สร้างขึ้นมา ระบบบำบัดน้ำเสียในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศ AS ( มากกว่า 90% ) ระบบบำบัดแบบเติมอากาศจะดึงเอาจุลินทรีย์ย่อยสลายในธรรมชาติมาใช้งานย่อยสลายของเสียต่างๆ แต่ไม่สามารถกำหนดหรือควบคุมปริมาณจุลินทรีย์ย่อยสลายให้มีมากเพียงพอกับปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นจริง จึงส่งผลให้ของเสียต่างๆบางส่วนในน้ำเสียนั้นๆถูกย่อยสลายได้ไม่หมด ยังคงมีของเสียส่วนหนึ่งตกค้างในระบบบำบัดและผ่านไปยังบ่อพักน้ำทิ้งเพื่อเตรียมปล่อยทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อม ทำให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งไม่ผ่านเกณฑ์อยู่บ่อยๆและเป็นประจำ จะด้วยข้อจำกัดของระบบบำบัดหรือปัญหาอื่นๆที่ทำให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งไม่ผ่านเกณฑ์ จุลินทรีย์หอมคาซาม่าจะมาเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการย่อยสลายของเสียต่างๆในน้ำเสีย ( ช่วยเพิ่มการย่อยสลายของเสีย ) ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลายของเสียในน้ำเสียให้เพิ่มขึ้นหรือมากขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง เป็นการบำบัดน้ำเสียด้วยจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนกับจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจน ( จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ) ถือว่าเป็นการบำบัดซ้ำหรือการย่อยสลายซ้ำ ( Double Treatment ) ส่งผลให้ของเสียต่างๆในน้ำเสียถูกย่อยสลายได้มากขึ้น เป็นปฏิกิริยาบำบัด 2 ชั้น หรือ 2 ขั้นตอนตามภาพจำลองด้านล่าง ซึ่งจะส่งผลให้ค่ามาตรฐานน้ำทิ้งผ่านเกณฑ์ได้ง่ายขึ้น จุลินทรีย์หอมคาซาม่าสามารถเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์มากหรือน้อยได้ตามความต้องการของผู้ใช้ กรณีที่ของเสียหรือน้ำเสียมีปริมาณมากก็สามารถเติมมากได้ตามความต้องการ เพื่อให้สมดุลกับปริมาณน้ำเสียและของเสียที่เกิดขึ้นจริง การบำบัดน้ำเสียก็จะสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ภาพบนเป็นการบำบัดน้ำเสียด้วยจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสีย 2 กลุ่ม คือ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจน และกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายที่ไม่ใช้ออกซิเจน ( จุลินทรีย์หอมคาซาม่า ) ของเสียต่างๆในน้ำเสียก็จะได้รับการบำบัดย่อยสลายได้มากขึ้นและเร็วขึ้นกว่าปกติทั่วไป
จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย/การบำบัดน้ำเสียในคอนโดมิเนียมทุกๆแห่ง กดดูที่นี่.. จุลินทรีย์เติมบ่อบำบัดน้ำเสีย/จุลินทรีย์ใส่บ่อบำบัดน้ำเสีย คลิกดูที่นี่... ปัญหาบ่อเติมอากาศส่งกลิ่นเหม็นเกิดจากสาเหตุใด ? คลิกดูที่นี่.. เทคนิคการลดค่า BOD สูงในน้ำเสียทุกๆแห่ง คลิกดูที่นี่.. การบำบัดน้ำเสียและบำบัดกลิ่นในโรงงานไอศครีมทุกๆแห่ง คลิกที่นี่... การแก้ปัญหาน้ำเสียและกลิ่นในโรงงานปลาหมึกทุกๆแห่ง คลิกที่นี่.. การแก้ปัญหาน้ำเสียและกลิ่นในโรงงานขนมจีนทุกๆแห่ง คลิกที่นี่... การเช็คค่า BOD , pH , DO ของระบบบำบัดน้ำเสีย คลิกดูที่นี่... วิธีการลดค่า BOD , SS , TDS ในโรงงานปลากระป๋อง คลิกที่นี่.. จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย/จุลินทรีย์หอมบำบัดน้ำเสียทุกๆระบบ คลิกที่นี่..
จุลินทรีย์หอมคาซาม่ากับการดับกลิ่นบำบัดกลิ่น ดูหัวข้อที่สนใจ กดดูที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ จุลินทรีย์ดับกลิ่นส้วม/ดับกลิ่นส้วมเหม็น คลิกดูที่นี่.. จุลินทรีย์ดับกลิ่นห้องน้ำ คลิกดูที่นี่.. วิธีดับกลิ่นห้องน้ำเหม็น/วิธีแก้ห้องน้ำมีกลิ่น คลิกดูที่นี่... จุลินทรีย์ดับกลิ่นบ่อเกรอะเหม็น/ดับกลิ่นบ่อส้วมเหม็น คลิกที่นี่.. ปัญหากลิ่นในห้องน้ำมาจากอะไร ? คลิกดูที่นี่.. จุลินทรีย์ดับกลิ่น คลิกดูที่นี่... จุลินทรีย์หอมดับกลิ่น / จุลินทรีย์หอมบำบัดกลิ่น คลิกที่นี่.. จุลินทรีย์ดับกลิ่นคาวปลา ดับกลิ่นคาวเลือด คลิกที่นี่.. จุลินทรีย์ดับกลิ่นฟาร์มเลี้ยงหมู คลิกที่นี่... จุลินทรีย์ดับกลิ่นห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน คลิกดูข้อมูลที่นี่.. จุลินทรีย์ดับกลิ่นเหม็นทุกๆชนิด คลิกดูที่นี่.. จุลินทรีย์บ่อเกรอะ/จุลินทรีย์ใส่บ่อเกรอะ คลิกดูที่นี่.. การใช้จุลินทรีย์หอมคาซาม่าในบ่อเกรอะ(บ่อส้วม) คลิกดูที่นี่... จุลินทรีย์ดับกลิ่นเหม็นทุกๆชนิด คลิกที่นี่..
( การบำบัดน้ำเสียและแนวทางบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย)
|