
การบำบัดน้ำเสียที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายปนเปื้อน เทคนิคการบำบัดน้ำเสียของโรงงานที่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย โรงงานที่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายทั้งต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสารเคมีที่เป็นกรดและด่างที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและสลายตัวได้ยาก ในการบำบัดสารเคมีเหล่านี้ ผู้ดูแลระบบบำบัดน้ำเสียจำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องของสารเคมีด้วย ในการบำบัดน้ำเสียจะเอาสารเคมีที่เป็นอันตรายเหล่านี้ลงไปรวมกับน้ำเสียส่วนอื่นๆไม่ได้ จำเป็นต้องแยกบำบัดโดยเฉพาะ สารเคมีต้องบำบัดในแพลนท์ของสารเคมี ส่วนน้ำเสียทั่วๆไปก็นำไปบำบัดในระบบบำบัดน้ำเสียปกติ มีโรงงานจำนวนมากที่ไม่มีการแยกบำบัดสารเคมี ซึ่งจะส่งผลต่อระบบโดยตรง ระบบล้มเหลวได้ง่ายๆ น้ำเสียทั่วๆไป( ที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน )จะนำไปบำบัดตามปกติ แต่ถ้าน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารเคมีที่เป็นอันตราย ต้องแยกไปบำบัดต่างหาก ห้ามไปบำบัดรวมกันกับน้ำเสียทั่วๆไป ดังนั้น โรงงานที่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายหรือมีน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารเคมีที่เป็นอันตราย จะต้องแยกระบบบำบัดออกจากน้ำเสียทั่วๆไป ซึ่งเท่ากับว่าโรงงานมีระบบบำบัด 2 ระบบด้วยกัน คือ ระบบบำบัดน้ำเสียปกติ และระบบบำบัดน้ำเสียที่บำบัดสารเคมีโดยเฉพาะ การบำบัดสารเคมีจะมีความยุ่งยากมากกว่าการบำบัดน้ำเสียทั่วๆไป ผู้ดูแลระบบบำบัดต้องมีความรู้เรื่องสารเคมีมากพอสมควร จำเป็นต้องรู้สารแต่ละชนิด จะทำให้สารเคมีมีฤทธิ์เป็นกลางและหมดสภาพได้อย่างไร หรือการนำไปทำลายอย่างไรจึงจะไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและไม่สร้างมลภาวะมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม สารเคมีบางชนิดอาจต้องส่งทำลายโดยใช้ความร้อนสูง( เผาในระบบปิด )กากอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม สารเคมีบางชนิดสลายตัวได้ยาก จะต้องมีวิธีการทำลายโดยเฉพาะ พื้นฐานในเบื้องต้นสามารถใช้ปูนขาวเพื่อลดความแรงของสารเคมีได้ แต่อาจได้เป็นบางชนิดของสารเคมีเท่านั้น ในการบำบัดสารเคมีที่เป็นอันตรายอาจมีค่าใช้จ่ายในการบำบัดค่อนข้างสูงกว่าการบำบัดน้ำเสียทั่วไป ถ้าเป็นไปได้โรงงานควรมีนักเคมีหรือวิศวกรเคมีเพื่อกำกับและดูแลในเรื่องการบำบัดสารเคมีที่เป็นอันตรายโดยเฉพาะ แต่ถ้าไม่มีนักเคมีก็ควรว่าจ้างบริษัทรับบำบัดสารเคมีโดยเฉพาะทาง ไม่ควรนำไปทิ้งตามที่สาธารณะ เพราะจะสร้างปัญหามลพิษและมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อม เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ทุกชนิด และไม่ควรนำไปฝังกลบโดยไม่มีการทำลายใดๆก่อน ต้องทำลายสารเคมีเหล่านี้ให้หมดฤทธิ์และหมดสภาพเสียก่อน ไม่ควรนำไปทิ้งในสิ่งแวดล้อมรวมทั้งการฝังกลบดิน ซึ่งเป็นการกำจัดสารเคมีที่ไม่ถูกวิธี การกำจัดหรือทำลายกากอุตสาหกรรม ในการทำลายหรือกำจัดกากอุตสาหกรรมมีขั้นตอนมาก ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้แบบง่ายๆมีหน่อยงานของเอกชนหลายแห่งที่รับงานกำจัดกากอุตสาหกรรม แต่วิธีการกำจัดหรือทำลายกากอุตสหกรรมของภาคเอกชน ส่วนใหญ่ยังไม่ถูกต้องหรือถูกวิธี การฝังกลบมีผลกระทบในระยะยาวต่อพื้นดิน พื้นดินจะมีสารเคมีปนเปื้อน สารเคมีบางชนิดสลายตัวได้ยาก กากอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะเป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม สร้างมลพิษและมลภาวะในสิ่งแวดล้อมโดยตรง จะต้องมีวิศวกรเคมีคอยควบคุณระบบทั้งหมด การบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากสารเคมีหรือกากอุตสาหกรรมต้องทำในระบบปิดเท่านั้น จำทำแบบ Open Air ไม่ได้ เพราะจะสร้างมลพิษและมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่ไกล้เคียงได้ง่ายๆ ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ เพราะเป็นไอระเหยหรือละอองของสารเคมีที่ฟุ้งกระจายในบรรยากาศ การบำบัดกากอุตสาหกรรมจำเป็นต้องทำในระบบปิดเท่านั้น ค่าใช้จ่ายในการบำบัดกากอุตสาหกรรมจะค่อนข้างสูงเป็นพิเศษ ขั้นตอนการบำบัดมีหลากหลายขั้นตอน ซึ่งขึ้นอยู่กับสารเคมีที่นำมาบำบัดหรือทำลายเป็นหลัก กากอุตสาหกรรมหรือสารเคมีที่มาจากโรงงานแต่ละแห่งอาจแตกต่างกันออกไป ดังนั้น วิศวกรเคมีจะเป็นผู้ประเมินน้ำเสียที่เป็นกากอุตสาหกรรมในแต่ละครั้ง ว่ากากอุตสาหกรรมที่รับมากำจัดหรือทำลายมีสารเคมีอะไรบ้างที่ปนเปื้อน และจะกำจัดหรือทำลายอย่างไรจึงจะถูกต้อง วิศวกรเคมีต้องเป็นผู้กำกับในทุกขั้นตอนของการบำบัดหรือทำลายกากอุตสากหกรรมนั้นๆ มิใช่แค่การขุดหลุมฝังดิน ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องกากสารเคมีเหล่านี้จะไปทำลายดิน สารเคมีกระจายซึมผ่านชั้นดินเป็นผลเสียต่อดินและสิ่งแวดล้อม ผู้กำกับดูแลในการกำจัดหรือทำลายกากอุตสาหกรรมต้องรู้ว่า สารเคมีหรือกากสารเคมีแต่ละชนิดจะกำจัดหรือทำลายอย่างไรที่จะให้สารเคมีนั้นๆหมดสภาพลงหรือแปรสภาพไปเป็นสารที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องใช้ความรู้ในหลายๆด้านมาประกอบการดำเนินการ เพราะไม่ใช่น้ำเสียทั่วๆไปที่สามารถบำบัดได้ง่ายๆ แต่เป็นกากอุตสาหกรรมที่การบำบัดหรือทำลายทำได้ยากขึ้น ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการจัดการในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไม่ใช่ใครๆก็ทำได้ดูแลระบบได้เหมือนกรณีการบำบัดน้ำเสียทั่วๆไป กากอุตสาหกรรมบางชนิดอาจต้องพึ่งเตาเผาความร้อนสูงระบบปิด( เผาแบบสมบูรณ์ ) เพื่อทำลายกากสารเคมีที่เป็นอันตรายไม่ให้กระจายออกสู่สิ่งแวดล้อม การกำจัดกากอุตสาหกรรมไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆเหมือนการบำบัดน้ำเสียทั่วๆไป ต้องใช้วิศวกรเคมีที่มีความเชี่ยวชาญสูงเป็นพิเศษในการกำกับดูแลวิธีการบำบัดและทำลายกากอุตสาหกรรมแต่ละชนิดอย่างถูกวิธี ไม่ใช่การนำไปฝังกลบดินและใช้ปูนขาวเจือจางเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง กากสารเคมีก็ต้องใช้สารเคมีตรงกันข้ามบำบัดหรือทำลาย เพื่อลดฤทธิ์อันตรายหรือทำลายพันธะให้สลายกลายเป็นสารตัวอื่นที่ไม่มีอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม กากสารเคมีบางชนิดอาจต้องใช้วิธีการทำลายเผาในอุณหภูมิสูงระบบปิด( เตาเผาระบบปิด )ซึ่งสารเคมีแต่ละชนิด การกำจัดหรือทำลายอาจแตกต่างกันออกไป กากสารเคมีบางชนิดอาจทำลายหรือกำจัดได้ง่าย แต่บางชนิดอาจกำจัดหรือทำลายได้ยาก วิธีการกำจัดหรือทำลายกากสารเคมีแต่ละชนิดจึงแตกต่างกันออกไปนั่นเอง ที่นี่..เราไม่ได้รับกำจัดหรือทำลายกากอุตสาหกรรม เราเป็นเพียงผู้ชี้แนะวิธีการต่างๆให้กับผู้ประกอบโรงงานอุตสาหกรรมได้เข้าใจถึงวิธีการแก้ไขหรือแก้ปัญหาอย่างถูกวิธีเท่านั้น การแก้ปัญหาที่ตรงจุด จะนำมาซึ่งความถูกต้องและถูกหลัก เป็นความรู้เล็กๆน้อยๆที่เราแบ่งปันให้ เพื่อประโยชน์ต่อโรงงานและสิ่งแวดล้อมโดยตรง ช่วยกันลดมลพิษและมลภาวะในสิ่งแวดล้อม ใช้จุลินทรีย์บำบัดหรือทำลายกากสารเคมีเหล่านี้ได้ไหม? คำตอบคือ ได้เป็นบางกรณีเท่านั้น กากสารเคมีที่จะใช้จุลินทรีย์บำบัดได้นั้น ต้องไม่ทำลายหรือทำอันตรายฆ่าจุลินทรีย์ที่จะใช้บำบัด สารเคมีหรือกากสารเคมีนั้นๆต้องหมดสภาพไม่มีฤทธิ์อันตรายแล้ว จึงจะใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายได้ ซึ่งที่สุดของการบำบัดหรือทำลายสารต่างๆในโลกนี้ ก็ต้องพึ่งพาอาศัยจุลินทรีย์นั่นเอง แม้กระทั่งสารเคมีก็ต้องใช้จุลินทรีย์ย่อยสลาย แต่สารเคมีนั้นๆต้องหมดสภาพสิ้นฤทธิ์แล้ว บรรดาของเสียทุกๆชนิดในโลกนี้จะหนีไม่พ้นถูกจุลินทรีย์ย่อยสลายไปในที่สุด( ท้าย )ตามสมการจำลองด้านล่างนี้ สสารทุกๆชนิดในโลกนี้ ทั้งพืชและสัตว์ทุกๆชนิด ท้ายที่สุดจะถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ย่อยสลายที่มีอยู่ตามธรรมชาติสิ่งแวดล้อมรอบตัวของเรา ซึ่งเป็นไปตามสมการจำลองด้านบนนี้ |