
![]() |
น้ำเน่าเหม็นในบ้าน
สารพัดโรคที่มากับน้ำท่วมเน่าเหม็น น้ำเน่าเหม็นที่ท่วมขังเต็มไปด้วยเชื้อโรคสารพัดเชื้อ
ใช้จุลินทรีย์อีเอ็มกำจัดเชื้อนานาชนิดรวดเร็วและปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีสารเคมีตกค้างให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เมื่อน้ำท่วมขังเป็นเวลานานๆภายในบ้านหรือภายในโรงงาน จะเกิดปัญหาน้ำเน่าเสียติดตามมาอย่างแน่นอน ก่อให้เกิดมลภาวะกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วทั้งบ้านหรือโรงงาน กลิ่นที่เน่าเหม็นเหล่านี้มาจากภาวะของเสียในน้ำ ซึ่งมีทั้งสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ต่างๆ กรีชและออยล์ที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำ ทำให้ปริมาณของออกซิเจนในน้ำลดลง เป็นผลให้น้ำเน่าเสียมีกลิ่นเน่าเหม็นเกิดขึ้น ในการจัดการกับปัญหาน้ำเน่าเสียเหล่านี้ ที่ถูกต้องคือต้องใช้จุลินทรีย์ ซึ่งจุลินทรีย์ในธรรมชาติที่มีอยู่ในน้ำก็มีจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว แต่มีไม่มากเท่ากับปริมาณของเสียที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่สามารถย่อยสลายเอาชนะของเสียได้ทั้งหมด จำเป็นที่จะต้องเติมปริมาณจุลินทรีย์ให้มีปริมาณมากขึ้นอย่างน้อยเท่ากับปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นหรือมากกว่าของเสีย จุลินทรีย์ที่เติมลงไปจะช่วยในการย่อยสลายของเสียเสริมกับจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เป็นการเพิ่มปริมาณของจุลินทรีย์ย่อยสลายให้มากขึ้น เพื่อให้ทันกับการย่อยสลายให้สมบูรณ์ขึ้น กลิ่นเน่าเหม็นในน้ำก็จะลดลง ของเสียต่างๆในน้ำเสียก็จะถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ ซึ่งจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายของเสียในน้ำมีทั้งชนิดที่ใช้ออกซิเจนและชนิดไม่ใช้ออกซิเจนในการย่อยสลาย
เทคนิคการใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำเน่าเสียและดับกลิ่นสำหรับบ้านที่ถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานานๆทำดังนี้
การปฏิบัติจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงที่ 1
กรณีที่น้ำยังคงท่วมขังอยู่ และควรเป็นน้ำนิ่งๆ ใช้จุลินทรีย์ที่มีความเข้มข้นสูง(ไม่ต้องผสมน้ำใดๆ)เทราดให้กระจายไปทั่วๆบริเวณบ้าน ทั้งภายในบ้านและภายนอกบ้านตามจุดต่างๆให้ครอบคลุมทุกจุด หรืออาจใช้จุลินทรีย์เทลงในถังบัวรดน้ำเหมือนกรณีรดต้นไม้ก็ได้ โดยรดไปให้กระจายทั่วๆทุกจุด โดยเฉพาะน้ำที่ท่วมขังลึก ปล่อยให้จุลินทรีย์ย่อยสลายน้ำเน่าเสียนั้นไปเรื่อยๆจนกว่าน้ำจะลดลงตามปกติ
ช่วงที่ 2 ( เป็นช่วงที่สำคัญมาก สำคัญกว่าในขั้นแรก ) เป็นจุดสำคัญในการทำความสะอาด เพราะเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล สิ่งสกปรก เชื้อโรคนานาชนิด ต้องระมัดระวังในการทำความสะอาด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำด้านล่างไปพร้อมๆกัน
หลังจากที่น้ำลดระดับลงไปทั้งหมดแล้ว ไม่เหลือน้ำท่วมอีกต่อไปแล้วจะมาถึงช่วงการทำความสะอาดพื้นบ้านและของใช้ต่างๆภายในบ้าน
ขั้นตอนแรก ให้ใช้จุลินทรีย์( ที่ไม่ผสมน้ำ ) รดลงไปบนพื้นบ้านให้กระจายทั่วๆบริเวณที่เคยถูกน้ำท่วมขัง ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
ขั้นตอนที่สอง ใช้น้ำสะอาดผสมกับจุลินทรีย์ในอัตราส่วน น้ำสะอาด 100 ส่วน ต่อ น้ำจุลินทรีย์ 1 ส่วน ทำความสะอาดพื้นบ้านและผนัง วัสดุของใช้ต่างๆ อาจใช้เครื่องฉีดพ่นเพื่อความรวดเร็วและทั่วถึงทุกส่วนของบ้าน หรืออาจใช้ม็อบทำความสะอาดพื้นบ้าน อาจจะผสมหัวน้ำหอมและแชมพูลงในจุลินทรีย์ก็สามารถทำได้ แต่ไม่ควรใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดและด่างแรงๆ เพราะอาจทำให้จุลินทรีย์ตายได้
ในขั้นตอนที่สองนี้สามารถทำได้บ่อยๆหรือทำเป็นประจำได้ เพราะจะไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายตกค้างในบ้านและสิ่งแวดล้อม และจะเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมส่วนรวมโดยตรง ถือเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติให้ปลอดจากมลพิษและสารเคมีอันตรายได้
จุดสำคัญในการบำบัดน้ำที่เน่าเสีย น้ำเน่าเหม็นบ้านหรือโรงงานที่ถูกน้ำท่วมขัง จะอยู่ที่ช่วงน้ำลดหรือการระบายน้ำออกจากบ้านหรือโรงงาน จุดนี้ถือเป็นจุดที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะกำจัดสิ่งปฏิกูลต่างๆ กลิ่นเน่าเหม็นจากของเสียต่างๆแล้ว ยังมีอีกปัจจัยหนึ่ง ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก นั่นก็คือ การกำจัดเชื้อโรค เชื้อนานาชนิดที่มากับมวลน้ำเน่าเสีย อาจทำร้ายเราได้โดยไม่รู้ตัว การใช้สารเคมีในการกำจัดเชื้อเหล่านี้สามารถทำได้ แต่อาจมีสารเคมีตกค้างและปนเปื้อนตกค้างอยู่ภายในบ้านหรือโรงงาน เป็นอันตรายต่อผิวหนังและระบบทางเดินหายใจได้ในอนาคต
การใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำเน่าเสียและดับกลิ่นควรใช้แบบใดดี? จุลินทรีย์สามารถประยุกต์เป็นจุลินทรีย์แบบผง และจุลินทรีย์แบบก้อนได้ โดยมีจุดเริ่มต้นที่จุลินทรีย์แบบน้ำเป็นหลัก แต่จุลินทรีย์แอคทีฟมากที่สุดคือจุลินทรีย์ที่เป็นชนิดน้ำ เหตุเพราะมันมีอาหารเลี้ยงอยู่ตลอดเวลาและสามารถทำปฏิกิริยากับน้ำเน่าเสียได้ทันที แต่ถ้าเป็นจุลินทรีย์แบบผงและแบบก้อน ต้องรอการแตกตัวและละลายของดินระยะหนึ่ง จะไม่แอคทีฟทันที เพราะมันอยู่ในรูปของแข็ง ในบ้านหรือโรงงานไม่ควรใช้จุลินทรีย์แบบก้อน เพราะจะสร้างมลภาวะจากก้อนดินได้ ทำให้เกิดเศษตะกอนจากก้อนดิน อีกทั้งความเข้มข้นของจุลินทรีย์ก็มีน้อย ส่วนการใช้จุลินทรีย์ชนิดน้ำบำบัดน้ำเน่าเสีย ควรเป็นจุลินทรีย์ที่เกิดจากการเพาะเชื้อโดยใช้กากน้ำตาลเป็นหลักเท่านั้น ไม่ควรมีสิ่งใดๆเจือปน เช่น พืชผักผลไม้ ถ้านำจุลินทรีย์ที่ได้จากการหมักพืชผักผลไม้ไปใช้บำบัดน้ำเน่าเสียในบ้านหรือโรงงาน อาจสร้างปัญหาน้ำเน่าเสียหนักกว่าเดิมได้
หมายเหตุ
จุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิตและมีประโยชน์ในการย่อยสลายบำบัดน้ำเน่าเสีย ไม่ใช่สารเคมี ดังนั้นจึงไม่มีอันตรายใดๆต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ในทางตรงกันข้ามกลับให้คุณเอนกอนันต์กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ไม่ควรใช้น้อยจนเกินไป เพราะประสิทธิภาพการย่อยสลายจะด้อยลง ควรใช้ให้พอกับปริมาณน้ำเน่าเสีย ถ้าวิกฤตเหม็นมาก ก็ควรเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ให้มากตามไปด้วย ต้องเทราดจุลินทรีย์ให้ทั่วๆในทุกๆจุด จึงจะได้ผลดี
การใช้จุลินทรีย์จัดการกับเชื้อที่มากับน้ำเน่าเสีย
ใช้จุลินทรีย์สดๆเข้มข้นสูงทำความสะอาดเหมือนกรณีใช้น้ำสะอาดทำความสะอาดร่างกาย หรือลงแช่ในจุลินทรีย์ที่อยู่ในภาชนะ เช่น ถังแช่ กะละมังแช่ โดยการแช่ในจุลินทรีย์ประมาณ 5-10 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ปริมาณการใช้จุลินทรีย์อีเอ็มบำบัดน้ำเน่าเสียและดับกลิ่นในแต่ละครั้ง ต้องใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายในปริมาณที่เหมาะสมหรือมากกว่าน้ำเน่าเสียที่เกิดขึ้น จึงจะเอาชนะน้ำที่เน่าเสียได้ ถ้าใช้จุลินทรีย์น้อยจนเกินไป ก็เกิดประโยชน์น้อย การบำบัดกลิ่นเน่าเหม็นอาจไม่ได้ผลหรือได้ผลช้า เหตุเพราะน้ำเน่าเสียมีปริมาณมากและวิกฤตหนัก การใช้จุลินทรีย์อีเอ็มย่อยสลายจึงต้องสอดคล้องกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริง การใช้เพียง 1-2 ลิตร จะใช้ได้กับพื้นที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเป็นพื้นที่บ้านหรือโรงงาน การใช้ปริมาณจุลินทรีย์อีเอ็มต้องแปรผันตามขนาดของพื้นที่และขนาดของน้ำเน่าเสีย ใช้เพียงเล็กๆน้อยๆอาจไม่เกิดประโยชน์ใดๆหรือได้ประโยชน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนี่คือความจริงในธรรมชาติ
ข้อควรระวังในการทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำท่วมลดลง
การทำความสะอาดบ้านในช่วงน้ำลดลงควรระวังเชื้อโรค เชื้อรา ที่อาจมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งเชื้อราที่เกาะตามส่วนต่างๆ ของบ้าน อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อหรือมีอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอหรือผู้ที่มีภูมิต้านทานไม่ดี ทั้งนี้ หลังน้ำลด อาคารและบ้านจะมีเชื้อราเกาะตามบริเวณที่ชื้นอับ เชื้อราเหล่านี้จะปล่อยละอองสารบางอย่างล่องลอยในอากาศทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา จมูก ภูมิแพ้ หรือโรคระบบทางเดินหายใจในคนได้โดยเฉพาะผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ หลักการทำความสะอาดเชื้อราในบ้านหลังน้ำลด โดยผู้ที่ร่างกายอ่อนแอหรือมีภูมิต้านทานไม่ดี เช่น ป่วยเบาหวาน กินยาสเตียร์ลอยด์ ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ทานยากดภูมิต้านทาน ผู้ป่วยที่รักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดหรือยา หรือมีโรคหอบ หืด ประจำตัว รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุ ไม่ควรเข้าไปในบ้านก่อนที่จะมีการทำความสะอาดจนเรียบร้อย
|