((( คำแนะนำในการสูบส้วมหรือสูบของเสียในบ่อเกรอะ ))))

จุลินทรีย์หอมคาซาม่า คือทางเลือกในการเพิ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียในบ่อเกรอะ เพราะจุลินทรีย์หอมคาซาม่ามีคุณสมบัติในการย่อยสลายของเสียต่างๆในบ่อเกรอะ ( บำบัดน้ำเสีย ) และยังมีคุณสมบัติในการดับกลิ่นหรือกำจัดกลิ่นเน่าเหม็นต่างๆในบ่อเกรอะ ซึ่งจุลินรีย์กลุ่มอื่นไม่มีคุณสมบัติในข้อนี้ ส้วมไม่เต็มง่าย บ่อเกรอะไม่เหม็นรบกวน ใช้จุลินทรีย์หอมคาซาม่าเติมบ่อเกรอะอยู่เป้นประจำ ได้ประโยชน์ทั้งการบำบัดน้ำเสียและการกำจัดกลิ่น

การสูบส้วมหรือการกำจัดของเสียออกจากบ่อเกรอะ โดยทั่วๆไปจะสูบส้วม 6 เดือนครั้งหนึ่งหรือปีละ 2 ครั้งนั่นเอง แต่ถ้าของเสียมีน้อยอาจปีละครั้งหรือ 2-3 ปีครั้งก็ทำได้ แต่ถ้าส้วมหรือบ่อเกรอะเต็มง่ายหรือเติมเร็วกว่าปกติ ก็สามารถสูบเร็วขึ้นตามความเหมาะสม ซึ่งจะรอให้บ่อเกรอะล้นก็คงไม่ไหว เพราะจะสร้างปัญหาเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดตามมา ข้อควรปฏิบัติหลังสูบส้วมแล้ว คือ การเติมจุลินทรีย์ย่อยสลายรองพื้นในบ่อเกรอะหรือถังแซท ทั้งนี้เพื่อให้ในบ่อเกรอะมีจุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียที่ไปจากชักโครกหรือส้วม ดังนั้น ในทุกๆครั้งที่มีการสูบส้วมหรือสูบบ่อเกรอะเสร็จเรียบร้อยแล้วควรมีการเติมจุลินทรีย์ลงไปในระบบ เพื่อรองรับการย่อยสลายของเสียรอบใหม่อีกต่อไป ปริมาณการเติมต่อครั้งมากได้ แต่ไม่ควรน้อยจนเกินไป ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณของเสียที่อยู่ในบ่อเกรอะ ถ้าบ่อเกรอะมีขนาดใหญ่ ก็เติมมากขึ้น ถ้ามีขนาดเล็กก็เติมพอประมาณ

ทำไมต้องใช้จุลินทรีย์ในการดับกลิ่นเน่าเหม็นและบำบัดน้ำเสีย ?

ของ เสียทุกๆอย่าง ทุกๆชนิดบนโลกใบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของเสียที่เป็นสารอินทรีย์ และสารอนินทรีย์ที่มนุษย์สร้างขึ้นและเกิดขึ้นตามธรรมชาติในแต่ละวัน ล้วนต้องอาศัยจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในธรรมชาติและการสังเคราะห์ขึ้นเข้าไปทำ ปฏิริยาย่อยสลายของเสียเหล่านั้น กรณีที่ของเสียเหล่านั้นถูกย่อยสลายที่ไม่สมบูรณ์ก็จะเกิดปัญหากลิ่นเน่า เหม็นติดตามมา การย่อยสลายของเสียที่ไม่สมบูรณ์ของจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ อาจเป็นเพราะปริมาณจุลินทรีย์มีน้อยกว่าของเสียที่เกิดขึ้นหลายเท่าตัว จุลินทรีย์จึงไม่สามารถย่อยสลายของเสียได้ทั้งหมดและย่อยสลายแบบไม่สมบูรณ์ จุลินทรีย์ที่มีอยู่ในธรรมชาติมีปริมาณน้อยและจำกัด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยาย่อยสลายของ เสียต่างๆ ดังนั้น เพื่อให้การย่อยสลายเกิดขึ้นได้สมบูรณ์แบบ จึงต้องมีการสังเคราะห์จุลินทรีย์อีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมา เพื่อย่อยสลายของเสียได้เหมือนกันกับจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน แต่จุลินทรีย์ที่สังเคราะห์ขึ้นมาใหม่นี้จะไม่ใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยา ย่อยสลายของเสีย เพียงแต่มีคุณสมบัติคล้ายๆกัน นั่นก็คือ การย่อยสลายของเสียต่างๆ และน้ำเน่าเสีย เป็นการทำปฏิกิริยาร่วมกันย่อยสลายระหว่างจุลินทรีย์กลุ่มที่ใช้ออกซิเจนและ กลุ่มที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการย่อยสลายของเสียต่างๆ ทำให้การย่อยสลายของเสียทำได้ดีมากขึ้น ผลคือ กลิ่นเน่าเหม็นต่างๆก็จะสลายหายไปนั่นเอง จุลินทรีย์คือ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก แต่มีศักยภาพในการย่อยสลายของเสียต่างๆได้เป็นอย่างดี ถ้าโลกใบนี้ไม่มีจุลินทรีย์เหล่านี้ย่อยสลายของเสียที่เกิดขึ้นในแต่ละ วินาที โลกนี้ก็จะเต็มไปด้วยขยะและของเสียล้นโลกอย่างแน่นอน นี่คือ ประโยชน์อันน่ามหัศจรรย์ของจุลินทรีย์ที่ดูแลโลกใบนี้ของเราทุกๆคน นี่คือ คำถามที่ว่า ทำไมต้องใช้จุลินทรีย์ดับกลิ่นเน่าเหม็นและบำบัดน้ำเสีย ดับกลิ่นเหม็นสาปของสัตว์เลี้ยง บำบัดของเสียมูลสัตว์ต่างๆในฟาร์มปศุสัตว์ได้ดี ฯลฯ

จุลินทรีย์หอม-Kasama เหมาะสำหรับ.-

- บำบัดน้ำเสียและย่อยสลายของเสียในบ่อเกรอะ บำบัดน้ำที่เน่าเสีย ดับกลิ่นเหม็นของน้ำเสีย ทั้งจากกลิ่นเหม็นห้องน้ำห้องส้วม น้ำเสียจากกระบวนการผลิต เช่น โรงงานผลิตขนม โรงงานเชือดไก่ โรงงานเชือดสุกร โรงงานลูกชิ้น ฯลฯ น้ำเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตจะส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงไปทั่วบริเวณกว้าง

- ดับกลิ่นเหม็นในฟาร์ม เช่น ฟาร์มสุกร ฟาร์มไก่ ฟาร์มนก ฯลฯ

การผลิตจุลินทรีย์ดับกลิ่นน้ำเน่าเหม็น/จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสียของเรา

ผลิตจากหัวเชื้อของจุลินทรีย์โดยตรง ไม่มีการผลิตจากพืชผักใดๆ การบำบัดน้ำเสียไม่ควรเอาน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งหมักจากพืชผักชนิดต่างๆ นำไปบำบัดน้ำเสีย เพราะจะทำให้ค่า BOD สูง น้ำจะยิ่งเสียมากขึ้นกว่าเดิม น้ำหมักชีวภาพจะมีปริมาณจุลินทรีย์ที่น้อยกว่า ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในการเกษตรกรรม